กางแผนปั้นเมืองทองธานีสู่ Tourism Destination ‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ เผยระหว่างรอลุ้นผลอนุมัติสร้าง Entertainment Complex จากรัฐบาล IMPACT ขอลุยลงทุนสร้างโรงแรมเฟสใหม่ระดับ 4 และ 5 ดาวก่อน รวม 1,000 ห้อง หนุนรับงานอีเวนต์ใหญ่ และทราฟฟิกที่จะเพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานีที่จะเปิดให้บริการเดือน พ.ค.นี้
พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท (IMPACT GROWTH REIT) หรือ IMPACT เปิดเผยว่า คาดว่าปี 2568 นี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในอาณาจักรเมืองทองธานีหลายอย่าง
“หลักๆ เลยคือรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานี ที่จะให้บริการในวันที่ 20 พ.ค. 2568 ซึ่งจะทันรองรับงาน ThaiFex Anuga 2025 พอดี ซึ่งจะช่วยลดทราฟฟิกรถติดในช่วงที่มีการจัดงานได้”
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นส่วนที่อิมแพ็คร่วมลงทุนด้วยครึ่งหนึ่ง คิดเป็นงบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาทนั้น ประกอบไปด้วย 2 สถานีด้วยกัน คือ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่จะจอดเทียบอาคารชาลเลนเจอร์ ซึ่งการก่อสร้างสะพานทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า คาดจะแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ตามแผน ส่วนอีกสถานีหนึ่งมีชื่อว่าสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี
พอลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีขนส่งสาธารณะเข้ามา พร้อมๆ กับที่ปีนี้จะมีอีเวนต์จัดมากขึ้น ทำให้จะมีคนเข้าออกเมืองทองธานีเยอะขึ้น นั่นทำให้บริษัทต้องเริ่มวางแผนพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้
“ทิศทางของเราโฟกัสที่นักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE (กลุ่มธุรกิจการจัดประชุม สัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อรางวัล การประชุมนานาชาติ และงานแสดงสินค้า) เพราะถึงแม้เราจะมีนักท่องเที่ยวทั่วไปและนักท่องเที่ยวที่มา Outlet แต่ตัวหลักของเรายังคงเป็นอิมแพ็ค”
เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต IMPACT จึงเตรียมขยายโรงแรมเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้ในเมืองทองธานีมีโรงแรม 2 แห่งที่ให้บริการอยู่แล้ว คือ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 380 ห้อง และโรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค โรงแรมระดับ 3 ดาว จำนวน 550 ห้อง รวมแล้ว 930 ห้อง
“จริงๆ เก้าร้อยกว่าห้องก็เยอะแล้ว เพราะติดกับอิมแพ็คเลย แต่ธุรกิจอีเวนต์ งานจัดแสดงสินค้า จำนวนห้องพักโรงแรมมีผลต่อการตัดสินใจของคนจัดงาน ที่ผ่านมามี trade show หลายรายที่อยากมาจัดงานในไทย แต่เขาบอกว่าเราต้องมีห้องพักโรงแรม 2,000 ห้องขึ้นไป เขาถึงจะมา” พอลล์ กล่าว
สาเหตุดังกล่าวนำมาสู่แผนของ IMPACT ที่จะสร้างโรงแรมเฟสถัดมา โดยจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวนกว่า 300 ห้อง ที่เหลือเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว โดยจะประเมิน EIA ในปีนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2571 ประเมินใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ทำให้ IMPACT จะมีโรงแรมจำนวน 4 แห่ง ขนาดรวม 2,000 ห้อง
ทั้งนี้ เงินลงทุนที่จะนำมาใช้สร้างโรงแรมใหม่ จะมาจากการนำโรงแรมเดิม 2 แห่งขายให้กับกองรีทซึ่งคาดว่าจะได้เงินสดราวๆ 2,000-2,500 ล้านบาท แล้วนำเงินสดมาลงทุน นอกจากนี้คาดว่าจะได้เงินสดจากพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโรงแรมที่สนใจร่วมทุนด้วย
“ช่วงสุดสัปดาห์อัตราการเข้าพักโรงแรมเราเต็มทุกสัปดาห์ ขณะที่ภาพรวมอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 60% เชื่อว่าถ้ามีโรงแรมใหม่ อัตราการเข้าพักก็จะเพิ่มขึ้น จากอีเวนต์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามามากขึ้นด้วย”
เขายังบอกอีกว่า IMPACT ยังวางเป้าหมายขยายการลงทุนสร้างโรงแรมเพิ่มเติมเป็น 3,000 ห้อง ภายในปี 2573 และ 5,000 ห้องภายในปี 2578 โดยจะใช้เงินลงทุนจากการนำโรงแรมที่เสร็จแล้วเข้ากองรีท และเงินที่ได้จากการบริหารอิมแพ็คด้วย
“ถามว่าทำไมเราถึงไม่ขยายโรงแรมแต่แรก เป็นเพราะโรงแรมนั้นลงทุนสูง ใช้เวลาก่อสร้างนาน และก่อนหน้านี้เราเอาเงินสดส่วนหนึ่งไปลงทุนในรถไฟฟ้าสายสีชมพู”
อย่างไรก็ตาม พอลล์ย้อนความให้ฟังว่าโครงการขยายโรงแรมนั้นเริ่มพูดคุยมาตั้งแต่ปี 2024 แล้ว แต่ช่วงปีที่ผ่านมารัฐบาลเปิดให้เอกชนเสนอแผนสร้าง Entertainment Complex ซึ่งอิมแพ็คก็สนใจและเสนอตั้ง Entertainment Complex บริเวณทะเลสาบเมืองทองธานีไป ทำให้ช่วงที่ผ่านมาโฟกัสของบริษัทไปอยู่ที่ Entertainment Complex ซึ่งหากได้สร้างจริงจะมีพาร์ทเนอร์จากต่างประเทศมาร่วมลงทุนด้วย
แต่สถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจนว่า IMPACT จะได้สร้าง Entertainment Complex หรือไม่ ทำให้กลับมาโฟกัสที่โรงแรมอีกครั้ง โดยโรงแรมที่กำลังจะทำนั้นอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ Entertainment Complex ด้วย
“การมีโรงแรมสำคัญมาก เพราะหากมี Entertainment Complex คนที่เข้าพักโรงแรมก็จะไปใช้เวลาช่วงเย็นที่ Entertainment Complex ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือช็อปปิ้ง เรียกได้ว่ามีเม็ดเงินจากภายนอกเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในเมืองทองธานีมากขึ้น จากเดิมที่เม็ดเงินมาจากคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในเมืองทองธานีที่อยู่ที่ 300,000-400,000 คนต่อวัน”
นอกจากแผนพัฒนาโรงแรม 2 แห่งแล้ว ปีนี้ IMPACT วางโครงสร้างพื้นฐานในเมืองทองธานี สู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ปัจจุบันเริ่มเฟสแรกในการติดตั้งกล้อง CCTV คาดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม และเฟส 2 คาดแล้วเสร็จปีนี้ โดยใช้งบลงทุนทั้งสองเฟสรวมกว่า 25 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมืองทองธานีนั้นเรียกได้ว่ามีจุดแข็งจากการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน โดยบนพื้นที่กว่า 4,700 ไร่ ประกอบด้วย ศูนย์การจัดแสดงอิมแพ็ค อารีน่า, อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ (ฮอลล์ 1-3), ศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่ม (ฮอลล์ 4) และศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ฮอลล์ 5-12) ซึ่งทรัพย์สินทั้ง 4 แห่ง มีพื้นที่รวม 479,761 ตร.ม. และพื้นที่จัดแสดงสุทธิ 122,165 ตร.ม. อยู่ภายใต้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็ค โกรท (IMPACT Growth Reit) โดยมี บริษัท อาร์ เอ็ม ไอ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์
โดยเป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปัจจุบัน ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งในไทย มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% นอกจากนี้ ภายในเมืองทองธานียังมีอาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย ที่พักอาศัย คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์อาหาร พื้นที่จัดกิจกรรมและสันทนาการ รวมทั้งโรงแรมจำนวน 2 แห่ง
สำหรับในปีที่ผ่านมา (มกราคม - ธันวาคม 2567) มีผู้เข้ามาใช้บริการเกือบ 10 ล้านคน ส่วนปีนี้จากการที่มีรถไฟฟ้าให้บริการ และการเดินหน้าพัฒนารองรับแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าในต่างประเทศ ปัจจุบันได้ตั้งทีมการตลาดและทีมขายเพื่อโฟกัสลูกค้าชาวจีน เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และภาพรวมอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดการณ์นักเดินทางไมซ์นานาชาติเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก และการดำเนินมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของภาครัฐ เนื่องจากอุตสาหกรรมไมซ์มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนภาพรวมการเติบโตของรายได้ในปี 2567 (รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 มีนาคม 68) ในส่วนของกองทรัสต์ IMPACT Growth Reit ตั้งเป้าการจัดงานประชุม นิทรรศการ อีเวนต์ และงานคอนเสิร์ตที่กลับมาคึกคัก จึงคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนไว้ที่ประมาณ 25%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘กลุ่มสยามกลการ’ จับมือ ‘แพน แปซิฟิก’ แปลงโฉม ‘อาคารสยามกลการ’ เป็นโรงแรมหรู ตั้งเป้าเปิดให้บริการปี 2570
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine