ผู้ประกอบการภาคเอกชนนำโดย สมาคมโรงแรมภูเก็ต ผนึกกำลังร่วมกับ C9 Hotelworks และ Greenview จัดงาน Phuket Hotels for Islands Sustaining Tourism (PHIST 2025) ซึ่งเป็นเวทีสนับสนุนส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 8 โดยการจัดงานในปีนี้ยังทุบสถิติตัวเลขปีที่ผ่านมๆ เพราะมีผู้ร่วมงานจากภาครัฐและเอกชนรวมถึงเหล่านักลงทุนและตัวแทนจากธุรกิจโรงแรมแบรนด์ดังหลากหลายประเทศทั่วโลกรวมกว่า 1,300 คน
งาน Phuket Hotels for Islands Sustaining Tourism (PHIST 2025) ในปีนี้ ได้จัดขึ้น ณ ห้องประชุม โรงแรมอังศนา ลากูน่า ภูเก็ต มีทั้งตัวแทนจากภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บริหารโรงแรม นักลงทุน นักธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย และนักพัฒนานวัตกรรม จากหลากหลายประเทศ สนใจเข้าร่วมงานกว่า 1,300 คน ถือเป็นตัวเลขที่กลับมาพุ่งสูงขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานดังกล่าว ถือเป็นเวทีที่ฝ่ายหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มธุรกิจบริการภาคเอกชนจะได้หาแนวทางบูรณาการความยั่งยืนร่วมกันผ่านการจัดเสวนาเชิงลึกมากถึง 25 เวที ในการขับเคลื่อนชุมชนเข้าสู่ประสบการณ์การเดินทางและการท่องเที่ยวและเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
โสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ให้เกียรติร่วมงานครั้งนี้ ยังเผยข้อมูลด้วยว่า หลังจากปี 2567 ที่ผ่านมาภูเก็ตรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 13 ล้านคน ส่งผลให้มีขยะเพิ่มขึ้นมากถึง 1,200 ตันต่อวัน แต่สามารถกำจัดขยะได้มากสุดเพียง 700 ตันต่อวันเท่านั้น ต่อเนื่องไปถึงเรื่องของการบำบัดน้ำที่ใช้แล้วให้ถูกต้องตามกระบวนการเพื่อป้องกันน้ำเน่าเสียไหลลงสู่ทะเลที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ จึงมีการวางแผนรับมือเรื่องดังกล่าวด้วยวิธีการฝังกลบขยะเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ต่อเนื่องไปถึงการบำบัดน้ำเสีย พร้อมนำน้ำดิบจากเขื่อนเชี่ยวหลานมาใช้ให้เพียงพอต่อการบริโภคและธุรกิจอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ลดการขุดเจาะน้ำบาดาลที่อาจจะทำให้ดินทรุดตัว เป็นต้น
"เรามีแผนก่อสร้างโรงเตาเผาขยะใหม่ สามารถกำจัดขยะได้ 500 ตันต่อวัน จากเดิมที่รับได้วันละ 700 ตัน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขยะล้นจากเดิมที่มีปริมาณขยะเป็นจำนวนมากถึง 1,200 ตันต่อวัน นอกจากนี้ เรายังสร้างระบบบำบัดน้ำเสียใหม่รวม 9 จุด เพื่อป้องกันน้ำเสียไหลลงทะเล, การพัฒนาถนนมอเตอร์เวย์สายใหม่ และการศึกษาโครงการ โมโนเรล รวมถึงการใช้ AI จัดการจราจร เพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคภายในจังหวัดภูเก็ตให้รองรับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้ดีียิ่งขึ้น อำนาจท้องถิ่นและความก้าวหน้าที่ยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้ หากเรามุ่งเน้นใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ พื้นที่สีเขียว โครงสร้างพื้นฐาน ความยั่งยืน และการผลักดันให้ภูเก็ตก้าวสู่การเป็นเขตปกครองพิเศษ อาทิ สวนสาธารณะแห่งใหม่ที่หาดลายันจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและช่วยแก้ปัญหาการก่อสร้างผิดกฎหมาย" ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว

ด้าน วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมกว่า 640 แห่งใน 65 ประเทศ รวมทั้งมากกว่า 30 แห่งในประเทศไทย ได้เรียกร้องให้ภาคเอกชนเร่งผลักดันผลลัพธ์ที่สามารถวัดผลได้ “กรอบการดำเนินงานของไมเนอร์ตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก ได้แก่ ผู้คน ธรรมชาติ และธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ ภายในปี 2573 เรามุ่งหวังที่จะสนับสนุนผู้คน 3 ล้านคน ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงานและการมีส่วนร่วมกับชุมชน” วิลเลียม กล่าว ระหว่างการรับรางวัล Green Giant Award อันเป็นการยกย่องบทบาทผู้นำด้านธุรกิจที่ยั่งยืนของเขา
ขณะที่ บิล บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้จัดการของ C9 Hotelworks และผู้ร่วมก่อตั้งของการจัดงานนี้กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของชุมชนและผลลัพธ์ทางสังคมเชิงบวกถูกละเลยไป นี่คือสมรภูมิใหม่ของอุตสาหกรรมนี้”

อย่างไรก็ตาม งาน PHIST 2025 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมโรงแรมภูเก็ต, C9 Hotelworks และ Greenview ในปีนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Pan Pacific Hotels, Winnow, Luxury Escapes, Tuu, Delivering Asia, QUO, SaiYok Springs และกลุ่มโรงแรมชั้นนำในภูมิภาคที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลอีกมากมาย ซึ่งความร่วมมือกันของภาคเอกชนดังกล่าว ยังตอกย้ำให้เห็นว่า ‘ความยั่งยืน’ กลายเป็นหัวใจสำคัญทางธุรกิจของการท่องเที่ยวในเอเชีย ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมที่ทำลายสถิติและการให้ความสำคัญที่ชัดเจนขึ้นกับผลกระทบต่อชุมชน ข้อความที่สะท้อนออกมาชัดเจนก็คือ โรงแรมไม่อาจเติบโตได้ หากชุมชนเจ้าบ้านไม่ได้เติบโตไปด้วยกัน สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ phist.phukethotelsassociation.com.


ภาพ : PHIST 2025
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : IHG เลือกปักหมุดแบรนด์โรงแรม 'Garner' แห่งแรกในไทยที่ 'พัทยา' เตรียมเปิดตัว พ.ย. 2568
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine