ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เดินหน้าเปิด อมารี-โอโซ่-ชามา ทั้งในและต่างประเทศอีก 9 แห่ง ภายในปี 2025 ย้ำวิสัยทัศน์ The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia มุ่งหน้าขยายโรงแรมและที่พักภายใต้การบริหารมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2025 และ 70 แห่งภายในปี 2028 พร้อมลงทุน 4,800 ล้านปี 2025 กับ 4 โครงการใหญ่ในประเทศไทย
ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) กล่าวถึงแผนงานปี 2024 ว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ 9,463 ล้านบาท โดยแบรนด์สำคัญในการขับเคลื่อนรายได้คืออมารี (Amari) และโอโซ่ (OZO) ในขณะที่ชามา (Shama) มีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น และบริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าที่มั่นใจและเชื่อในศักยภาพการบริหารจัดการ โดยดำเนินธุรกิจร่วมกันภายใต้สัญญาระยะยาว
ทั้งนี้ เป้าหมายรายได้ปี 2024 เติบโตขึ้นกว่า 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนและ 23% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เติบโต 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมากขึ้น ทำให้ขณะนี้จีนกลับมาเป็นประเทศที่ทำรายได้อันดับ 1 ของบริษัท อันดับที่ 2 และ 3 คือนักท่องเที่ยวไทยและรัสเซียโดยรัสเซียเป็นตลาดสำคัญสำหรับรีสอร์ตในภูเก็ตและพัทยา และเป็นตลาดหลักของบริษัท ขณะที่ตลาดอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ปัจจุบันออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มีโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง บังกลาเทศ และ สปป.ลาว และกำลังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนับจากปีนี้จนถึงปี 2025 มีโครงการที่เตรียมเปิดให้บริการกว่า 9 แห่ง มาเลเซีย 3 แห่ง จีนและฮ่องกง 2 แห่ง ไทย 2 แห่ง ลาว 1 แห่ง และ ศรีลังกา 1 แห่ง
โดยแบรนด์อมารีเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ ในฐานะแบรนด์โรงแรมระดับ Upper Upscale ที่มุ่งเน้นตลาด ทั้ง City MICE, Urban MICE และรีสอร์ต โดยแบรนด์อมารีมีแผนเปิดตัวโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ประกอบด้วย
1.อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 เป็นอาคารสูง 27 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท 167 ห้อง 2.อมารี เวียงจันทน์ สปป.ลาว ขนาด 248 ห้อง เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมแห่งที่ 2 ต่อจากโรงแรมอมารี วังเวียง 3.อมารี เดอะไทด์ บางแสน ประเทศไทย เตรียมเปิดให้บริการปี 2025 ด้วยห้องพัก 7 รูปแบบ จำนวน 154 ห้อง และมีห้องจัดประชุม 5 ห้องสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 1,000 คน
ยุทธชัยกล่าวเพิ่มเติมว่าแบรนด์ที่มีความโดดเด่นอย่างมากอีกแบรนด์คือ 'ชามา' ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนที่พักมากกว่า 2,500 ยูนิตจาก 20 แห่ง โดยเฉพาะประเทศไทยมีการเติบโตถึง 200% ภายใน 5 ปี และชามายังเป็นผู้นำด้านบริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ระดับนานาชาติอันดับ 1 ในฮ่องกงด้วยจำนวนโรงแรม 7 แห่ง
ปัจจุบันยังดำเนินการขยายแบรนด์ ชามา เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ชามา ซัวซานา มาเลเชีย, ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง, ชามา ฮับ เฉียนถัง หางโจว ประเทศจีน ล่าสุดได้ลงนามสัญญาเข้ารับบริหาร 'ชามา ระยอง' และเตรียมเปิดให้บริการปี 2026 ซึ่งมีห้องพักมากกว่า 150 ห้อง ประกอบด้วยห้องสตูดิโอ ห้องนอนแบบ 1-2 ห้องนอน ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องประชุม
ด้าน ‘โอโซ่’ แบรนด์โรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความเรียบง่าย บริษัทมีแผนเปิดตัว OZO Medini ที่ประเทศมาเลเซีย ในไตรมาส 2 ปี 2024 ซึ่งนับเป็นแห่งที่ 5 จากปัจจุบัน 4 แห่งประกอบด้วย โอโซ่ พัทยา, โอโซ่ ภูเก็ต, โอโซ่ สมุย, โอโซ่ จอร์จทาวน์ ปีนัง
สำหรับในประเทศไทยปี 2025 บริษัทจะลงทุนใน 4 โครงการใหญ่โดยมีทั้ง renovation และก่อสร้างใหม่ ใช้งบลงทุนรวม 4,800 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ปรับปรุงโรงแรมอมารี ดอนเมือง ขนาด 176 ห้อง งบฯ 300 ล้าน 2.ปรับปรุงโรงแรมอมารีภูเก็ต ป่าตอง ขนาด 120 ห้อง งบฯ 1,500 ล้าน 3.OZO Bangkok ขนาด 250 ห้อง งบฯ 800 ล้าน 4.EQ ภูเก็ต 150 ห้อง งบฯ 2,000 ล้าน
นอกจากการขยายแบรนด์โรงแรมแล้ว ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอไปยังธุรกิจด้านฮอสพิทาลิตี้อื่นๆ ล่าสุดเตรียมเปิดเปรโก้ (Prego) แบรนด์ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด สาขาใหม่ ณ หาดกะตะ จ.ภูเก็ต ภายในปี 2024 และต้นปีที่ผ่านมา ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารนิลา (Nila) ร้านอาหารสไตล์ Coastal Indian Cuisine เพื่อเจาะกลุ่มตลาดอินเดียในประเทศไทย และร้านชมสินธุ์ (Chom Sindh) นำเสนอตำรับอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและแม่น้ำทั่วประเทศไทย
อนึ่ง ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทหลักภายใต้กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักอาศัยระดับหรู โดยมีแบรนด์ภายใต้การดูแลที่เป็นที่ยอมรับและรู้จักอย่างกว้างขวางในหลายประเทศแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค อาทิ อมารี โอโซ่ ชามา โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ โดยดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นบริษัทบริหารจัดการโรงแรมและการบริการขนาดกลางที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมบริการทั้งด้านสปา ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ maai spa, Breeze spa, Prego, Amaya, Chom Sindh และ Nila
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Cosi เวียงจันทน์ น้ำพุ โดย Centara มั่นใจตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ คาดตลอดปี 67 มียอดจองเข้าพัก 50%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine