'lebua at State Tower' ถือเป็นโรงแรมแบรนด์ไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยรูปทรงโดมขนาดใหญ่สีทองเหลืองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่บนยอดตึกที่รูฟท็อปบาร์ชั้นดาดฟ้า สร้างการจดจำให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ที่เดินทางผ่านไปมาในย่านสีลม-สาทรได้เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี
นราวดี บัวเลิศ ในฐานะ President และ CEO ของโรงแรมและรีสอร์ทเลอบัว เผยข้อมูลกับทีม Forbes Thailand ว่า ธุรกิจร้านอาหารและบาร์ของเธอเริ่มต้นขึ้นด้วยการเปิดตัว Sirocco by lebua และ Sky Bar by lebua เป็นครั้งแรก ในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ถัดมาในปี 2549 โรงแรม Meritus จึงถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นโรงแรม lebua at State Tower แทน พร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์โรงแรมมาอย่างต่อเนื่องและผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยส่วนใหญ่ก็ล้วนรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี...
"บรรยากาศ Rooftop Bar ที่สวยงามมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา 360 องศาและโค้งน้ำเจ้าพระยา คือ เอกลักษณ์ของ Sirocco by lebua ที่ตั้งอยู่บนชั้น 64 ของโรงแรมเลอบัวที่ยากจะหาใครเหมือน ที่นี่ได้รับรางวัลการันตีด้านต่างๆ มาอย่างมากมาย...และยังถูกเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Hangover Part II ที่เข้าฉายในโรงเมื่อปี 2554 สร้างความสำเร็จอย่างล้นหลาม และจากกระแสตอบรับที่ดีของหนังเรื่องดังกล่าวยังส่งเสริมให้ Sirocco by lebua กลายเป็น 1 ในสถานที่สุดฮิตที่เหล่านักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างจดเอาไว้ใน check list ว่าจะต้องมาเยือนที่นี่...ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต"



ณ ปัจจุบัน โรงแรม lebua at State Tower มีร้านอาหารและบาร์ให้เลือกหลากหลายสไตล์ รวมถึงร้านอาหารที่มีเชฟระดับ 2 ดาวมิชลิน ไว้ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับ luxury ที่ต้องการดื่มด่ำไปกับมื้ออาหารแสนอร่อยพร้อมกับการ pairing ไวน์คุณภาพชั้นเลิศ โดยในส่วนของ Sirocco by lebua มีเชฟ Brian Rodriguez, Executive Chef ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวใหญ่คอยดูแลบริหารจัดการในรูปแบบร้านอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ถือเป็นรสชาติอาหารที่เป็นขวัญใจของเหล่าบรรดานักชิม ซึ่งนอกเหนือจากรางวัลต่างๆ ที่เคยได้รับในแต่ละปีที่่ผ่านๆ มา... ล่าสุดที่ร้านนี้ยังได้รางวัล Two Forks จาก Gambero Rosso ในปี พ.ศ. 2568 นี้อีกด้วย

หันมาดูในส่วนของโรงแรมกันบ้าง CEO ของโรงแรมเลอบัว บอกว่า เรทราคาห้องพักของ Standard Room จะอยู่ที่ 5,800-23,000 บาทต่อคืน ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงฤดูกาลว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือเทศกาลต่างๆ หรือไม่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ 80% เป็นต่างชาติ อีก 20% ที่เหลือคือคนไทย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ทางโรงแรมให้บริการต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลกมากถึงราวๆ 10,000 คน
แต่ทั้งนี้ จากการปิดรีโนเวทเพื่อปรับปรุงห้องพักใหม่บางส่วน จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่ายอดของแขกที่เดินทางมาเข้าพักในปี 2568 จะอยู่ที่ราวๆ 7,000-8,000 คน ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะมีการทยอยเปิดให้บริการห้องพักหลังปรับปรุงแล้วเพิ่ม...ก็น่าจะดันยอดผู้เข้าพักให้กลับมาสูงขึ้นในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้เท่ากับปีก่อน โดยขณะที่ยอดของแขกผู้มาใช้บริการร้านอาหารและบาร์นั้น ในแต่ละปีต้อนรับนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 100,000 คน



เมื่อถามถึงภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยลดลง จะมีผลกระทบต่อรายได้และธุรกิจหรือไม่ นราวดี บอกว่า เธอเปลี่ยนความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ให้กลายเป็นโอกาส พร้อมตอกย้ำตำแหน่งของ lebua ในฐานะ “The Iconic Vertical Destination” ที่มอบประสบการณ์อันล้ำค่ามากกว่าการเข้าพัก ซึ่งนั่นก็คือ การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ต่างๆ แบบครบวงจร ได้แก่ การรับประทานอาหารระดับเวิลด์คลาส ความบันเทิงเหนือระดับ และการบริการคุณภาพชั้นดีจากโรงแรมที่หรูหรา เพื่อให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกว่า...ทุกช่วงเวลาที่อยู่กับเรานั้นมีคุณค่าและคุ้มค่าแก่การลงทุน
"แม้นักเดินทางบางส่วนจะมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นมากขึ้น แต่สิ่งที่เราเห็นอย่างต่อเนื่องคือ แขกของเรายังคงให้ความสำคัญกับ “คุณค่าและประสบการณ์ที่น่าจดจำ” มากกว่าความถี่ของการเดินทาง เพราะแทนที่พวกเขาจะลดหรือหยุดการเดินทางโดยสิ้นเชิง แต่นักเดินทางท่องเที่ยวกลับเลือกที่จะ “คัดสรร” จุดหมายปลายทางและแบรนด์ที่มอบสิ่งที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า" นราวดี กล่วเสริม

นอกเหนือจากประสบการณ์สุดล้ำค่าที่มาจากการบริการที่ดีแล้ว ผู้บริหารหญิงของเลอบัว บอกว่า ทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของบริษัทในส่วนต่างๆ คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จที่เกิดขึ้น โดยเธอยึดหลักการบริหารที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. การมอบอำนาจ (Empowerment) : เรามอบเครื่องมือในการทำงาน การฝึกอบรม และอิสระในการทำงานให้กับทีมงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะ แต่ยังสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในงานที่ทำ
2. การทำงานร่วมกัน (Collaboration) : เราส่งเสริมการสื่อสารอย่างเปิดเผยและการทำงานเป็นทีมระหว่างทุกแผนก การทำงานร่วมกันและแบ่งปันแนวคิด ช่วยให้เราสามารถพัฒนานวัตกรรมและยกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง
3. การยกย่อง (Recognition) : เราเฉลิมฉลองความสำเร็จและการมีส่วนร่วมของทีมงาน การยอมรับในความทุ่มเทและความมุ่งมั่นช่วยสร้างแรงจูงใจและบรรยากาศการทำงานที่ดี ด้วยการมุ่งเน้นในหลักการเหล่านี้ เราจึงสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนและมีชีวิตชีวา ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นการบริการที่ยอดเยี่ยมสำหรับแขกของเรา


อย่างไรก็ตาม นราวดี ยังบอกทิ้งท้ายด้วยว่า แม้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวปีนี้จะชะลอตัวลงเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ต่อเนื่องไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ์ที่เพิ่มขึ้น และมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ล้วนส่งผลกระทบต่อรายได้ในช่วงไตรมาส 2 แต่ทั้งนี้เธอก็ยังมั่นใจว่าสถานการณ์จะฟื้นกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี และมีรายได้โตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากช่วงพีคไฮซีซั่นและเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะมีลูกค้าจากทั่วโลกเดินทางมาใช้บริการทั้งในส่วนของโรงแรม ร้านอาหารและบาร์เป็นประจำทุกปี
ภาพ : lebua at State Tower
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'Chef's Table by lebua' คอร์สดินเนอร์สุดหรู ความอร่อยเลิศรส โดยเชฟระดับ 'มิชลิน 2 ดาว'
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine