การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่การหาซื้อบ้านหรูตากอากาศในต่างประเทศก็ยังได้รับผลกระทบ ทำให้ปัจจุบันการพิจารณาถึงการ บริการสุขภาพ ในประเทศหรือเมืองนั้นๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยการเลือกซื้อหรือลงทุนเพื่อความอุ่นใจและความมั่นใจทุกครั้งที่บินไปพักผ่อน
จากผลสำรวจของ International Living ในการจัดอันดับ Global Retirement Index ประจำปี 2020 ได้ปักหมุด 5 ประเทศที่มีบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุดในโลกไว้เป็นลิสต์ทางเลือกสำหรับลงทุนซื้อบ้านพักตากอากาศในต่างประเทศหลังต่อไปได้อย่างสบายใจ
โปรตุเกส: อันดับ 1 บริการสุขภาพ
โปรตุเกสเป็นประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดถึง 99 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ติดอันดับ 1 ทั้งด้านบริการสุขภาพ และสถานที่พักหลังเกษียณเพราะมีบริการสุขภาพแบบมืออาชีพ และราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรืออังกฤษ ถือว่าราคาถูกกว่ามาก
ทั้งยังเป็นประเทศที่พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันการศึกษาด้านการแพทย์ชั้นยอดอยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น University of Minho ทางตอนเหนือ University of Coimbra ในภาคกลาง ซึ่งมีชื่อเสียงด้านงานวิจัยและการศึกษาระดับปริญญาเอก และ New University of Lisbon ทางตอนใต้
นอกจากนี้ แพทย์ส่วนใหญ่ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำเหล่านี้ ยังนิยมไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมถึงการเรียนการสอนและสื่อสารในมหาวิทยาลัยเอกชนยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
ขณะที่ในเมืองใหญ่ๆ และแหล่งท่องเที่ยวยังสามารถหาบริการทางการแพทย์ดีๆ ได้ไม่ยากหรือแม้แต่เมืองเล็กๆ ก็มีบริการทางการแพทย์ที่ดีให้บริการเช่นกัน ทั้งราคาก็ตามป้ายราคาไม่มีบวก เช่น ยาลดไขมันอย่าง Statins มีราคาเพียงกล่องละ 2-3 ยูโรเท่านั้น หรือยาปฏิชีวนะก็มีราคา 15-20 ยูโรต่อคอร์ส รวมถึงการเดินเข้าร้านขายยาเพื่อซื้อยาทั่วไปที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะหรือยาควบคุมพิเศษมาใช้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์ เรียกว่าได้คะแนนทั้งความสะดวก และราคาย่อมเยา
ยิ่งไปกว่านั้นมนตร์เสน่ห์ของดินแดนแห่งนี้ยังอยู่ที่ตำแหน่งที่ตั้ง ซึ่งอยู่สุดฝั่งตะวันตกของแผ่นดินยุโรปที่สามารถดึงดูดผู้คนทั่วโลกด้วยทิวทัศน์และภูมิประเทศที่งดงามบนคาบสมุทร Iberia หุบเขาอันเขียวชอุ่ม ชายหาดที่สวยงาม ซากปรักหักพังที่สะท้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และอากาศเย็นสบายเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูหนาวอยู่ที่ราว 17 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนก็ไม่เกิน 26-27 องศาเซลเซียส เหมาะกับการหาบ้านตากอากาศสักหลังไว้หลบร้อนจากเมืองไทย
หนึ่งในเมืองตากอากาศที่มีความงดงามโดดเด่นอย่าง
Algarve เป็นเมืองทางตอนใต้สุดของประเทศจากชายหาดสีทองติดมหาสมุทร Atlantic สนามกอล์ฟกว่า 30 แห่งที่ต้อนรับนักหวดที่นิยมมาประลองฝีมือในช่วงฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ รวมทั้งสถาปัตยกรรมโรมันเก่าแก่ตามอาคารบ้านเรือนให้เที่ยวชม
โดยบ้านตากอากาศระดับลักชัวรีที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดในเมืองนี้ คือ W Residences Algarve ของ W Hotel เชนโรงแรมดีไซน์จัดจ้านในเครือ Marriott ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของเมืองเห็นชายหาด Praia do Evaristo และอยู่ใกล้ Villa Joya ร้านอาหารระดับ Michelin Star โดยกำลังเปิดขายเฟสที่ 3 มีห้องพักโรงแรม 134 ห้อง และคอนโดฯ ที่เห็นวิวมหาสมุทร Atlantic 95 ยูนิต ขนาด 1-4 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 425,000 ยูโร ถึง 2 ล้านยูโร ขายพร้อมโปรแกรมบริหารการเช่าที่คาดว่า จะได้รับผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 2-3% ต่อปี โดยจะสร้างเสร็จในปี 2564 นี้
สเปน: การแพทย์เป็นเลิศ-ไม่แพง
ประเทศเพื่อนบ้านของโปรตุเกส ที่มีพรมแดนติดต่อกันยาวถึงกว่า 1,200 กิโลเมตร ด้วยคะแนนบริการด้านสุขภาพ 97 คะแนน สเปนเป็นประเทศในยุโรปตะวันตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฝรั่งเศส โดยฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเป็นทิวเขาเขียวสด และริมชายหาดมีอากาศชื้น เย็นสบายจากสายลมที่พัดมาจากมหาสมุทร Atlantic
ส่วนฝั่งตะวันออกและชายแดนใต้เป็นโซนรับกระแสน้ำอุ่นจากทะเล Mediterranean ทั้งยังเป็นแหล่งอารยธรรมและมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ภูมิประเทศอันหลากหลาย และแนวชายฝั่งที่ยาวรวมกันถึงเกือบ 5,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นชายหาดเกือบทั้งหมด จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรป
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกยังจัดอันดับให้สเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบริการสุขภาพที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยระบบสาธารณสุขที่ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ และการให้บริการทางการแพทย์จากภาคเอกชนอันเป็นเลิศในราคาไม่แพง โดยมีโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล หรือ JCI (Joint Commission International) ถึง 26 แห่ง สถานพยาบาลต่างๆ พร้อมอุปกรณ์หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความทันสมัย
นอกจากนี้ แพทย์สเปนยังต้องผ่านการสอบที่เข้มข้น เพื่อให้ได้รับใบประกอบวิชาชีพ จากเดิมที่รัฐบาลกลางเคยเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องบริการสุขภาพ แต่ปัจจุบัน เป็นหน้าที่ของแคว้นปกครองตนเองทั้ง 17 แคว้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมชาวสเปนจึงสนุกกับชีวิต เพราะว่าผู้คนไม่มีความกังวลเรื่องบริการสุขภาพ โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ซึ่งถูกกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 1 ใน 3
สำหรับ Barcelona เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะมีสภาพอากาศเย็นสบายจากภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบ Mediterranean ในภูมิประเทศที่มีสภาพอากาศอบอุ่น ทำให้อาหารการกินมีราคาไม่แพง และค่าครองชีพไม่สูง โดยผักผลไม้นานาชนิดสามารถหาทานได้ง่าย และยังเป็นแหล่งส่งออกผักผลไม้ไปยังประเทศในแถบอเมริกาเหนือ
ไม่ว่าจะเป็นอาร์ติโช้กอ่อน น้อยหน่า และลูกพีชโดนัท ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างชายหาดที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก และชาวสเปนที่มีความเป็นมิตร ชอบช่วยเหลือและพูดคุยกับนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตและสนุกสนานกับไลฟ์สไตล์ได้โดยไม่ต้องห่วงเงินในกระเป๋า
ส่วนบ้านพักตากอากาศในสเปนที่ควรค่าแก่การสะสมเป็นคอลเล็กชั่น ต้องที่
Ibiza เกาะสวรรค์ชื่อดังในกลุ่มเซเล็บและเศรษฐีระดับโลก ซึ่งหนึ่งในโครงการระดับอัลตราลักชัวรีแห่งใหม่ที่จะสร้างเสร็จในปีหน้า คือ Six Senses Residences, Ibiza ที่มีวิลล่าให้เป็นเจ้าของเพียง 9 หลังเท่านั้น พร้อมบริการโรงแรมและโปรแกรม Wellness เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความสงบและไลฟ์สไตล์แนวรักธรรมชาติ ตามแบบฉบับของ Six Senses ทำเลตั้งอยู่แถบตอนเหนือของเกาะบริเวณอ่าว Cala Xarraca ห่างจากสนามบิน Ibiza เพียง 30 นาท
คอสตาริกา: ท็อป 3 บริการสุขภาพโลก
ประเทศเล็กๆ ในแถบอเมริกากลางอย่างคอสตาริกา ติดอันดับ 3 ของประเทศที่มีบริการสุขภาพที่ดีที่สุดในโลกด้วยคะแนน 96 คะแนน โดยถือเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาคอสตาริกามีระบบการสาธารณสุข 2 ระบบ ซึ่งชาวคอสตาริกาสามารถเลือกใช้บริการได้ทั้ง 2 ระบบ โดยระบบแรกเป็นของรัฐบาลมีชื่อว่า Caja Costarricense de Seguro Social หรือเรียกสั้นๆ ว่า Caja และระบบของภาคเอกชน ทั้ง 2 ระบบมีการพัฒนาและปรับปรุงใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานรักษาพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์และการฝึกอบรมของบุคลากรทางการแพทย์
แม้บริการสุขภาพในคอสตาริกามีความก้าวหน้าทันสมัย แต่ราคาค่าใช้จ่ายถูกมากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา โดยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติแห่งนี้สามารถดึงดูดผู้เกษียณอายุและชาวต่างชาติให้เข้ามาพำนักอาศัยใน San Jos
é เมืองหลวงของคอสตาริกา ซึ่งมีโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรอง JCI ถึง 3 แห่ง ถือเป็นเมืองที่มีโรงพยาบาลที่ได้รับ JCI จำนวนมากที่สุดในโลก ทั้งยังมีคลินิกมากมายให้เลือกใช้บริการ
นอกจากนี้ คอสตาริกายังเป็นประเทศที่มีชายหาดทั้งฝั่งทะเล Caribbean ทางทิศตะวันออกและมหาสมุทร Pacific ทางตะวันตก พร้อมอากาศอันแสนเย็นสบายด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 27 องศาและต่ำสุด 18 องศา โดยชายหาดที่ทอดยาวยังคงความงดงามของงธรรมชาติ ซึ่งแวดล้อมด้วยป่าไม้ ภูเขาไฟ หุบเขาเขียวชอุ่ม น้ำตก ทะเลสาบ และแม่น้ำที่ใสราวกับกระจก เป็นมนตร์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติทั่วโลกยกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจเดินทางมาเยือน
ด้านค่าครองชีพของคอสตาริกายังสบายกระเป๋าด้วยบริการทางการแพทย์ที่ดีเลิศ ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มั่นคง ระบบการเงินการธนาคารที่ดี วัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่รักสงบและมีความปลอดภัย ทั้งมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำนับไม่ถ้วน ซึ่งทำาให้หลายคนเรียกคอสตาริกาว่าสวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกากลาง
สำหรับบ้านหรูตากอากาศมีโครงการใหม่หลายแห่ง โดยล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวในปลายปีนี้และน่าจะก่อสร้างเสร็จในปีหน้า ได้แก่ Andaz Costa Rica Residences at Penninsula Papagayo บริหารโดย Andaz แบรนด์โรงแรมสุดหรูในเครือ Hyatt อยู่บริเวณอ่าว Culebra แถบคาบสมุทร Papagayo ชายฝั่ง Pacific ทางตอนเหนือของประเทศ โดยมีวิลล่า 25 หลัง ขนาด 2-3 ห้องนอนพื้นที่ประมาณ 130-195 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและระเบียงตากอากาศบนหลังคาสำหรับนั่งชมวิวอ่าวรูปเกือกม้าในมุมสูง
ขณะที่เจ้าของยูนิตสามารถเข้าใช้บริการต่างๆ ในโรงแรม Andaz Costa Rica Resort ในบริเวณเดียวกันด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านเหรียญ และราคาเฉลี่ยที่ราว 2 ล้านเหรียญ ซึ่งมีโปรแกรมบริหารการเช่าโดย Hyatt เป็นทางเลือกในการลงทุน
โคลอมเบีย: ผู้คนใจดี-อบอุ่น
โคลอมเบียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ โดยมีชายฝั่งทั้ง 2 ด้านเหมือนคอสตาริกา คือฝั่งทะเล Caribbean ทางทิศเหนือของประเทศและมหาสมุทร Pacific ทางตะวันตก พรมแดนทางด้านตะวันตกที่ติดกับปานามาเป็นเขตป่าดงดิบ Darien และมีป่า Amazon อยู่ทางทิศตะวันออกมีนกกว่า 1,800 สายพันธุ์ ถือเป็นบ้านของสัตว์และพืชพันธุ์ต่างๆ ถึง 20% ของจำนวนสัตว์และพืชพันธุ์ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกใบนี้
สิ่งที่น่าประทับใจของโคลอมเบีย นอกจากวิวทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว คือชาวโคลอมเบีย ซึ่งเป็นคนใจดี อบอุ่น เข้ากับคนแปลกหน้าแปลกถิ่นได้และมีความสุขที่จะได้แบ่งปันเรื่องราวของเมืองให้กับชาวต่างชาติฟัง หากเดินเข้าไปเที่ยวตามชุมชนนักท่องเที่ยวจะพบชาวโคลอมเบียคอยต้อนรับและเชื้อเชิญด้วยเสียงเพลง การเต้นรำ อาหารท้องถิ่นการละเล่น และงานรื่นเริงต่างๆ มากมาย
จากการจัดอันดับโรงพยาบาลชั้นนำในแถบละตินอเมริกาที่มีทั้งหมด 58 แห่ง พบว่า เกือบครึ่งหรือ 23 แห่งอยู่ในโคลอมเบีย แปลว่า 40% ของโรงพยาบาลชั้นนำในละตินอเมริกาที่มีอยู่ 20 ประเทศอยู่ที่โคลอมเบีย โดยเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจาก JCI ถึง 4 แห่ง ซึ่ง 2 แห่งดังกล่าวอยู่ในเมือง Bogot
á เมืองหลวงของโคลอมเบีย และ Medell
ín เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศทางตอนเหนือ รวมถึงเมืองที่อยู่ใกล้กับ Bucaramanga ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือ ด้วยบริการทางสาธารณสุขที่มีความทันสมัยและค่าใช้จ่ายไม่แพง
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังจัดอันดับให้โคลอมเบียเป็นประเทศที่มีระบบบริการทางสุขภาพที่ดีที่สุดอันดับที่ 22 โดยเหนือกว่าแคนาดาที่ติดอันดับ 30 และสหรัฐอเมริกาที่อยู่อันดับ 37
ขณะที่ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศยังเป็นหนึ่งในปัจจุบันที่ทำให้หลายคนตัดสินใจมาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่นี่ เพราะสภาพอากาศอันหลากหลายให้เลือกปักหลักในแต่ละเมือง ไม่ว่าจะเป็น Santa Marta หรือ Cartagena เมืองชายฝั่งทะเล Caribbean สำหรับผู้ที่ชอบอากาศแบบเมืองร้อน
หรือเมือง Medell
ín สำหรับผู้ที่ชอบอากาศอบอุ่น และอุณหภูมิคงที่ หรือจะลองสัมผัสเมืองสามเหลี่ยมกาแฟ คือ Pereira Armenia และ Manizales ที่รายล้อมไปด้วยทิวเขาเขียวชอุ่มและไร่กาแฟ ซึ่งโคลอมเบียเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านกาแฟติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก
สำหรับเมืองที่ควรมีบ้านสักหลังไว้พักผ่อนที่โคลอมเบีย ต้องไม่พลาดเมืองเก่าแก่อย่าง Cartagena ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก เมืองมีเสน่ห์ดึงดูดเชนโรงแรมหรูอย่าง Four Seasons เข้ามาปักหมุดเปิดโรงแรมแห่งใหม่ พร้อมสร้างวิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวรีสำหรับขายให้กับบรรดาเศรษฐี
โดยโครงการ Four Seasons Hotel and Private Residences Cartagena นำอาคารเก่ายุคศตวรรษที่ 16 ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาปรับปรุงโฉม คือโบสถ์ Saint Francis นอกจากนี้ ยังมีอาคาร Beaux Arts Club Cartagna ที่สร้างในปี 1920 และโรงละครเก่าแบบโรมัน 4 แห่ง โดยเก็บ Fa
çade หรือเปลือกอาคาร ที่เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ สำหรับไพรเวตเรสซิเดนซ์มีให้เป็นเจ้าของเพียง 16 ยูนิตเท่านั้น
ปานามา: การแพทย์ก้าวหน้าราคาถูก
อย่าเพิ่งแปลกใจว่าทำไมปานามาไม่เป็นอันดับที่ 5 นั่นเพราะปานามาได้รับคะแนนบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุดในโลกเท่ากับโคลอมเบีย จึงครองตำแหน่งอันดับที่ 4 ร่วมกัน ด้วยคะแนน 94 คะแนน
ปานามาเป็นประเทศที่อยู่ทางใต้ที่สุดของอเมริกากลาง มีพรมแดนติดกับประเทศอันดับ 3 และอันดับ 4 ร่วม คือ คอสตาริกา และโคลอมเบียและเนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งห่างออกไปเพียง 622 ไมล์ ทำให้มีช่วงกลางวันที่สว่างและกลางคืนที่มืดเกือบ 12 ชั่วโมงเท่ากัน
ขณะเดียวกันปานามายังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความทันสมัยและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดในอเมริกากลาง ทำให้มีสถานบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ โรงพยาบาล คลินิก และห้องแล็บมีความสะอาด อุปกรณ์ทันสมัย ทั้งคลินิกและโรงพยาบาลตั้งอยู่ตามศูนย์กลางของภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงพยาบาลในเมืองใหญ่มักจะมีอุปกรณ์ทันสมัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางประจำการทุกแห่ง รวมถึงค่ายาหรือค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลยังมีราคาค่อนข้างถูก และใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลัก ซึ่งค่าบริการของแพทย์ตามคลินิกอยู่ที่ประมาณ 20-60 เหรียญเท่านั้น
โดยแพทย์ส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เพราะนิยมศึกษาต่อต่างประเทศหลังจากจบการฝึกอบรมเบื้องต้นที่ปานามา และเนื่องจากเป็นประเทศขนาดเล็กจึงทำให้การเดินทางไปคลินิกหรือโรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
นอกจากนี้ ภูมิประเทศของปานามายังเต็มไปด้วยทิวเขาและป่าสน ทำให้หลายเมืองเป็นเมืองภูเขาและติดอันดับสถานที่พักหลังเกษียณที่ดีที่สุดโลก รวมทั้งยังมีเมืองที่มีชายหาด ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน สะอาด และน่าอยู่มาก หนึ่งในนั้นคือ Coronado เมืองชายหาดชื่อดังในกลุ่มชาวต่างชาติ โดยตั้งอยู่ทางฝั่งมหาสมุทร Pacific และหากเป็นฝั่งทะเล Caribbean ต้องไม่พลาดเมือง Bocas del Toro เมืองสวรรค์แห่ง Caribbean
Bocas del Toro หรือที่หลายคนเรียกว่า Galapagos of the Caribbean เป็นเมืองที่มีธรรมชาติงดงามและอุดมสมบูรณ์ ชายหาดสวยราวกับภาพในโปสการ์ด หาดทรายขาวละเอียด ท้องทะเลใสมองเห็นปะการังและปลาดาวแหวกว่ายในทะเลเป็นเมืองที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศใกล้กับคอสตาริกา
โดยมีแผนการพัฒนาโครงการรีสอร์ตขนาดใหญ่ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชื่อ CasiCielo ซึ่งใช้พื้นที่กว่า 400 เอเคอร์ หรือกว่า 1 พันไร่ โดยเฟสแรกเป็นรีสอร์ตระดับหรูภายใต้แบรนด์ Viceroy เชนโรงแรมบูทีกสัญชาติอเมริกัน บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่
สำหรับ Viceroy Hotels & Residences ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2565 จะมีห้องพักจำนวน 118 ห้อง และวิลล่ากลางทะเล 77 ยูนิตเพื่อขาย โดยมีขนาดตั้งแต่ 46-200 ตารางเมตร และสามารถเข้าโปรแกรมบริหารการเช่าได้อีกด้วย