"เอส โฮเทล" เปิดตัวรีสอร์ทใหม่ในมัลดีฟส์ ชูคอนเซปท์หรูหราในราคา "จับต้องได้" - Forbes Thailand

"เอส โฮเทล" เปิดตัวรีสอร์ทใหม่ในมัลดีฟส์ ชูคอนเซปท์หรูหราในราคา "จับต้องได้"

บริษัทเครือสิงห์ เอสเตท “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” เปิดตัวรีสอร์ทใหม่ในมัลดีฟส์ SAii Lagoon Maldives คาดอัตราเข้าพัก 74-78% พร้อมวางแผน 5 ปีขยายพอร์ตเพิ่ม 2 เท่า

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ในเครือบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดตัวรีสอร์ทแห่งใหม่ SAii Lagoon Maldives รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ SAii ที่ตั้งอยู่ในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นโครงการแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่พัฒนาขึ้นโดยสิงห์ เอสเตท และเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท

Dirk De Cuyper ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เปิดเผยว่า SAii Lagoon Maldives เป็นรีสอร์ทระดับ 4-5 ดาว ขนาด 198 ห้อง เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดย SAii มาจากคำว่า “ทราย” ในภาษาไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นบรรยากาศของท้องทะเล หาดทราย และจิตใจไมตรีของคนไทย

“SAii Lagoon Maldives มาในคอนเซปท์ที่ตรงกับจุดยืนทางการตลาดของเอส โฮเทลฯ คือความพยายามนำเสนอที่พักในสไตล์หรูหรา แต่มีความเป็นกันเอง และมีราคาจับต้องได้ มีความกลมกลืนกับธรรมชาติและคงเอกลักษณ์ท้องถิ่น แต่ยังรักษาความเป็นแบรนด์ระดับโลกในตัว พร้อมมีเทคโนโลยีในการเข้าใช้บริการที่ทันสมัย แต่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน”

ทั้งนี้ Forbes Thailand Online รายงานว่า ราคาห้องพักของ SAii Lagoon Maldives ณ วันนี้เริ่มต้นที่ราว 10,135 บาท/คืน และเพิ่มขึ้นเป็นเริ่มต้นราว 11,531 บาท/คืน ในเดือนพฤศจิกายน

Cuyper กล่าวว่า หากพูดถึงมัลดีฟส์แล้ว หลายคนอาจคุ้นเคยกับความหรูหราที่เหมาะสำหรับการฮันนีมูนของคู่รัก แต่สิ่งที่เราพยายามนำเสนอคือความต้องการเปิดมุมมองใหม่ของความหรูหรา ที่มีความเป็นกันเองและจับต้องได้ จึงพยายามออกแบบให้ SAii Lagoon Maldives เหมาะสำหรับการพักผ่อนของกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และกลุ่มคนที่มีความคิดแบบชาวมิลเลนเนียล คือแสวงหาอิสระและความท้าทาย

Dirk De Cuyper ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท

สำหรับ SAii Lagoon Maldives ให้บริการห้องพักแบบสวีทและวิลล่า มีการออกแบบและตกแต่งโดยใช้การผสมผสานของพื้นผิวธรรมชาติและเศษไม้ มาพร้อมห้องอาหารให้บริการหลากหลายรูปแบบ อาทิ “Miss Olive Oyl” เสิร์ฟอาหารทะเลปิ้งย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน, “Mr Tomyam” ให้บริการอาหารไทย และ “bean / Co” (บีนแอนด์โค) ร้านกาแฟริมชายหาด

โดยภายในรีสอร์ทมีสะพานทางเดินเท้าเชื่อมต่อกับโครงการครอสโร้ดส์ จึงสามารถใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในครอสโร้ดส์ได้ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กีฬาทางน้ำและดำน้ำ, อีเวนท์ ฮอลล์, ศูนย์เพาะพันธุ์ปะการัง Marine Discovery Centre, Hard Rock Cafe เป็นต้น

“แม้ปัจจุบันจะมีรีสอร์ทหลายแห่งในมัลดีฟส์ แต่สิ่งที่เราแตกต่างจากคู่แข่งคือเราพยายามรวบรวมกิจกรรมต่างๆ ให้มาอยู่ที่เดียวกัน ทำให้ได้นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของมัลดีฟส์ที่ไม่ใช่แค่สถานที่ฮันนีมูน แต่ยังเป็นที่ที่ครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้”

Cuyper ยังกล่าวอีกว่า สำหรับรีสอร์ทแบรนด์ SAii แห่งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักในช่วง 5 ปีแรกอยู่ที่ 74-78% วางเป้าสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเป็นไปตามสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมามัลดีฟส์ ได้แก่ ยุโรป 50%, เอเชีย 35% และอื่นๆ 15%

“ปัจจุบันเอส โฮเทลฯ มีโรงแรมและรีสอร์ทอยู่ในพอร์ต 39 แห่งใน 5 ประเทศ คือ ไทย, สาธารณรัฐมัลดีฟส์, สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ, สาธารณรัฐบอริเชียส และสหราชอาณาจักร รวมห้องพักกว่า 4,600 ห้อง ซึ่งเรามีแผนขยายพอร์ตการลงทุนเป็น 2 เท่าภายในปี 2568 ด้วยวิธีการขายแฟรนไชส์, ควบรวมกิจการ รวมทั้งบริหารโรงแรมให้แบรนด์อื่น มุ่งเน้นไปที่ทำเลเอเชียแปซิฟิก, มหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิกใต้ โดยเรามีแผนขยายแบรนด์ SAii ในประเทศไทยด้วย แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาทำเลที่เหมาะสม”

 

เปิดไอพีโอมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท

ทั้งนี้ เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR ได้ประกาศแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,437.46 ล้านหุ้น กำหนดช่วงราคาเสนอขาย 5.10 –5.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท โดยเตรียมเปิดขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท (S) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562 สำหรับประชาชนทั่วไป วันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี โดยมีรายได้รวม 968.0 ล้านบาท, 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ

งวดครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน กำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยและภาษี ไม่นับรวมรายการพิเศษ (EBITDA) ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 58.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 EBITDA ตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 348.9 ล้านบาท 514.3 ล้านบาท และ 877.4 ล้านบาท ตามลำดับ

ครึ่งปีแรกของปี 2562 มี EBITDA เท่ากับ 461.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และอีบิตดาของ SHR ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริการงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการซื้อโรงแรม Outrigger 6 แห่ง

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine