หลังใช้เวลารีโนเวท 5 เดือน ในที่สุด “อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท” รีสอร์ตหรูริมแม่น้ำปิง ใจกลางเมืองเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว
อาคารไม้สัก 2 ชั้นอายุกว่า 100 ปีแห่งนี้ เคยเป็นที่ตั้งของสถานกงสุลอังกฤษประจำจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2464 เมื่อเปลี่ยนมาเป็นโรงแรมก็ยังคงอนุรักษ์ตัวอาคารกงสุลสไตล์โคโลเนียล และเพิ่มอาคารห้องพัก 4 ชั้นรูปตัวแอลในรูปแบบร่วมสมัย โดยใช้ไม้สักเป็นหลัก เพื่อให้รับกับตัวอาคารกงสุลเดิม
อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา เจ้าของโรงแรมคนล่าสุด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเคยมาพักที่นี่ปี 2562 และรู้สึกประทับใจกับตัวอาคารกงสุล ได้ถ่าย
รูปกลับไปให้ภรรยาดูโดยบอกว่า หากจะสร้างบ้านใหม่อยากสร้างแบบนี้
“ผ่านไป 3 ปีกว่า ครอบครัวได้รับโอกาสดีมาดูแล คือมีหลายคนที่ร่ำรวยอยากมาดูแลโรงแรมแห่งนี้ เราใช้เวลาประมาณ 5 เดือนเพื่อปรับปรุง และเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในโรงแรมที่อยู่คู่เชียงใหม่...ตั้งใจจะบริหารโรงแรมแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวา เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในภาคเหนือ สร้างเชียงใหม่เป็นเมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว เราประกาศตัวเอง ณ วันนี้ว่า พร้อมต้อนรับแขกจากทั่วโลกที่มาเยือน”
อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท มีทั้งหมด 84 ห้อง แบ่งเป็นดีลักซ์ การ์เด้น วิว, ดีลักซ์ ริเวอร์ วิว, กษรา การ์เด้น วิว สวีท และกษรา ริเวอร์ วิว สวีท ทุกห้องเรียบหรู สวยงาม และกว้างขวาง ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย แฝงด้วยความอบอุ่นจากพื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ เน้นสีสันและของตกแต่งในโทนสีธรรมชาติ พร้อมระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นสนามหญ้าด้านนอกที่โอบล้อมต้นพยอมอายุกว่า 200 ปี หรือแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านรีสอร์ท ตัวอาคารผนังตกแต่งด้วยไม้ระแนงที่ช่วยกรองแสงและเป็นฉากกั้นเสียงจากภายนอก
ห้องอาหารและบาร์ ตั้งอยู่ในอาคารโคโลเนียล เฮาส์ โดยห้องอาหาร เดอะ เซอร์วิส 1921 เรสเตอรองต์ ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากธีมหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลอังกฤษ แบบฟอร์มของพนักงานก็มาในธีมเดียวกัน
สำหรับผู้ที่ต้องการสังสรรค์หรือผ่อนคลายกับเครื่องดื่มระดับพรีเมียมมี “บริท บาร์” ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารเดียวกัน ที่นี่ให้บริการเครื่องดื่มนานาชนิด ทั้งค็อกเทลสูตรพิเศษ เบียร์ และไวน์ชั้นดี ขณะที่บาร์กลางแจ้งใหม่ล่าสุด “บับเบิ้ลส์ บาร์” ตั้งอยู่บนดาดฟ้าริมสระว่ายน้ำ เหมาะสำหรับการนั่งจิบแชมเปญและเครื่องดื่ม พร้อมดื่มด่ำไปกับวิวแม่น้ำปิงยามเย็นยาวไปถึงค่ำคืน
เพื่อทำความรู้จักกับเชียงใหม่ให้มากขึ้นอีกนิด โรงแรมยังได้สอดแทรกประเพณีคนเมืองไว้ในเมนูอาหารและเครื่องดื่มด้วย
เมนูอาหารตะวันตก เช่น ซีซาร์สลัด แทนที่จะใช้อกไก่ก็เปลี่ยนเป็นใส้อั่วแทน เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แปลกใหม่ ขณะที่ “หลัวหิงไฟพระเจ้า” และ”อินทขิลบูชา” เป็นเวลคัมดริงค์ที่จัดเตรียมให้กับผู้เข้าพักในฤดูหนาวและฤดูร้อน
หลัวหิงไฟพระเจ้า มาจากประเพณีการถวายฟืนแก่พระพุทธรูปในฤดูหนาว โดยชาวบ้านจะนำฟืนมากองรวมกันและจุดไฟเพื่อคลายความหนาว ส่วนอินทขิลบูชา เป็นงานทำบุญบูชาเสาหลักเมืองหรือเสาอินทขิล ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นมิถุนายน
พิทักษ์ นรเทพกิตติ ผู้จัดการทั่วไป อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท กล่าวถึงแนวคิดในการนำเรื่องราวของเชียงใหม่มาไว้ในเครื่องดื่มว่า “เรามองจากมุมคนกรุงเทพฯ อินทขิลบูชา ได้โจทย์จากการนำสิ่งของไปถวายศาลหลักเมือง ทั้งข้าว อ้อย เป็นส่วนผสมที่อยู่ในนั้น...เราให้โจทย์ให้ทำเครื่องดื่ม คนทำก็ไปศึกษาและให้สูตรมา ทั้งสองเมนูมาจากพิธีกรรมที่น่าสนใจ”
ส่วนอนันตรา สปา ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูในสไตล์ร่วมสมัย พร้อมทรีตเมนต์มากมาย มีบริการใหม่ในส่วนของคลีนิคแพทย์แผนไทย และ IV Drip Bar โปรแกรมดริปวิตามินเพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งยังมีการนวดแบบพื้นเมือง “ย่ำขาง” “ตอกเส้น” และนวดโดยใช้ผ้าขาวม้า รายการหลังนี้ตอบโจทย์สถานการณ์โควิดเป็นอย่างดี เพราะผู้นวดไม่ต้องสัมผัสตัวลูกค้าโดยตรง
ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพัก 60 เปอร์เซนต์ และ 100 เปอร์เซนต์ในช่วงเทศกาล ลูกค้าหลักเป็นคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย
“เราเป็นผู้นำการตลาด luxury กลางเมืองเชียงใหม่ จุดเด่นคือโลเกชั่น จะหาโรงแรมที่ luxury, convenient อยู่กลางเมือง แบรนด์โตจากประเทศไทย ความเป็นไทยขายได้ แต่ต้องนำความเป็นไทยไปปรุงแต่งให้เป็นสากลมากขึ้น” พิทักษ์ นรเทพกิตติ ผู้จัดการทั่วไป อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท กล่าวในตอนท้าย
อ่านเพิ่มเติม: มุมมองผู้บริหาร “โซเด็กซ์โซ่” ในการนำธุรกิจ-พนักงานรอดจากโควิด-19
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine