Breguet (เบรเกต์) รังสรรค์ที่สุดแห่งเรือนเวลา ได้คัดสรรค์ 5 คอลเลกชันเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่มีความความสง่างามเหนือกาลเวลา
คลาสสิคเหนือกาลเวลา
คอลเลกชัน Classique ร่วมรำลึกถึงสไตล์และการออกแบบของผู่ก่อตั้ง Breguet ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาพก No. 3833 นาฬิกาข้อมือเรือนนี้มาพร้อมฟังก์ชันแสดงวัน, วันที่ และข้างขึ้น-ข้างแรม บนหน้าปัดแกะสลักลายด้วยมือ กับตัวเรือนขนาด 39 มม. พร้อมขอบตัวเรือนขัดเงางดงาม หน้าปัดสีโรสโกลด์ให้ความหรูหรา ใช้กลไกอัตโนมัติขั้นสูงและมีความซับซ้อนทั้ง การสำรองพลังงาน, เข็มวินาทีขนาดเล็ก, ข้างขึ้น-ข้างแรม, วันที่ และวัน
Breguet Classique รุ่น 7137 ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาพก No. 5 อันโด่งดังของแบรนด์ โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำขาว 18k พร้อมกลไกอัตโนมัติแบบบางพิเศษ มาพร้อมฟังก์ชันบอกเวลา, วันที่, ข้างขึ้น-ข้างแรม, อายุของดวงจันทร์ และการสำรองพลังงาน หน้าปัดสีฟ้าโดดเด่น และฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นความงดงามของกลไก รุ่นนี้ยังมีตัวเลือกในตัวเรือนทองและโรสโกลด์ พร้อมหน้าปัดสีที่แตกต่างกัน
ผลงานอมตะแห่งโลกเวลา
Breguet ผู้เชี่ยวชาญหลากศาสตร์ รวมถึงดาราศาสตร์ ใช้ชื่อ "Tourbillon" ซึ่งหมายถึงวงโคจรของดวงดาว ตั้งชื่อกลไกที่เขาคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาแรงโน้มถ่วงกระทบความแม่นยำ โดยใช้ "กรง" หมุนชุดกลไกเพื่อลดแรงกด กลไกนี้ถือเป็นนวัตกรรมสูงสุดในวงการนาฬิกา
นาฬิกาเรือนนี้มีหน้าปัดเคลือบ "Grand feu" และ Tourbillon บางพิเศษที่มองเห็นได้ผ่านฝาคริสตัลแซฟไฟร์ การออกแบบเรียบง่ายเพื่อเน้น Tourbillon อันโดดเด่น พร้อมแท่งยึดปรับองศา ประดับสปิเนล เข็มสีน้ำเงิน Breguet ตัดกับพื้นขาวชัดเจน ตัวเลขอารบิกเยื้องศูนย์ที่ 11 นาฬิกา ตรงข้าม Tourbillon ที่ตำแหน่ง 5 นาฬิกา ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาพกของ A.-L. Breguet ผู้ซึ่งพลิกโฉมนาฬิกาในยุคนั้น
หลอมรวมสุนทรียศาสตร์ดั้งเดิมเข้ากับความล้ำนำสมัย
นาฬิการุ่นนี้จากคอลเลกชัน Tradition หน้าปัดเยื้องศูนย์อันเป็นเอกลักษณ์ มีการแสดงเข็มวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ด้วยกลไก retrograde hand โดดเด่นด้วยการออกแบบสมมาตร โดยเผยองค์ประกอบกลไกสำคัญ เช่น bridges, wheels, escapement และ barrel บนแผ่นหลัก จุดเด่นอีกประการคือระบบ pare-chute ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของ Breguet เพื่อป้องกันแรงกระแทกที่แกนบาลานซ์ และยังถือเป็นต้นแบบของระบบป้องกันแรงกระแทกในยุคสมัยปัจจุบันอีกด้วย
Breguet ผสานความงามของเครื่องประดับเข้ากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสุดประณีต หน้าปัดเล็กเผยลวดลายกุหลาบบนตัวเรือนหลัก และบาร์เรลที่มองเห็นได้ผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ ขอบตัวเรือนและบัคเคิลประดับเพชรเจียระไนแบบ brilliant-cut พร้อมเม็ดมะยมตกแต่งด้วยอัญมณี เติมเต็มความหรูหราอย่างลงตัว
ไอคอนแห่งเรือนเวลาชั้นสูงสำหรับสุภาพสตรี
หนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Breguet คือ พระนางคาโรลีน มูราต์ ราชินีแห่งนครเนเปิลส์ ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของจักรพรรดินโปเลียน หลังจากที่ทรงซื้อทั้งนาฬิกาตั้งโต๊ะและนาฬิกาพกจาก Breguet หลายเรือน พระองค์ได้มีรับสั่งในปี 1810 ให้ผลิต "นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก" ขึ้น ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี 1812 โดยในปัจจุบัน นาฬิกาเรือนนี้ได้ถูกตีความใหม่ในคอลเลคชั่น Reine de Naples หรือ Queen of Naples ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
นาฬิการุ่นนี้โดดเด่นด้วยตัวเลข Breguet ขนาดใหญ่ล้อมรอบวงบอกเวลา และเข็มแบบพระจันทร์เสี้ยวอันสง่างาม ประดับอัญมณีทรงลูกแพร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตัวเชื่อมสายทรงกลม ขอบตัวเรือน ขอบหน้าปัด และเม็ดมะยมประดับเพชรเพิ่มความเจิดจรัส ด้วยตัวเรือนขนาด 35.60 x 28.45 มม.
อีกหนึ่งผลงานที่โดดเด่นคือ นาฬิกาที่มีเข็มนาทีที่เปลี่ยนรูปตามตำแหน่งบนหน้าปัดทรงรี ด้วยกลไกอันชาญฉลาดที่ได้รับการจดสิทธิบัตรจาก Breguet เข็มนาทีประกอบด้วยแขนสองข้างที่เชื่อมต่อกันที่ปลาย แต่เคลื่อนไหวแยกจากกันอย่างอิสระ แขนทั้งสองจะยืดและหดตามการเคลื่อนไหวของเข็ม โดยแต่ละข้างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน ทำให้เข็มดูพลิ้วไหวและเปลี่ยนรูปร่างไปตามเส้นทางจากตำแหน่ง 12 นาฬิกาไปยัง 6 นาฬิกา การเคลื่อนไหวนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นโค้งในคอลเลคชั่น Reine de Naples
นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีขาวที่ตัดกับสายหนังอัลลิเกเตอร์สีน้ำเงินเข้ม ตัวเรือนทองคำขาวประดับไพลินสีน้ำเงินที่ขอบตัวเรือน ขอบหน้าปัด และเม็ดมะยม เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร
เรือนเวลาระดับตำนานแห่งการบิน
Breguet มีประวัติยาวนานในวงการการบินและทหาร โดยเริ่มต้นจากการออกแบบนาฬิกาสำหรับนักบินและเครื่องมือสำหรับการบินในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยได้รับคำสั่งจากกองทัพฝรั่งเศส การออกแบบเหล่านี้ช่วยให้การเดินทางทางอากาศแม่นยำยิ่งขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Breguet เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์ที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านเทคโนโลยีการบินและนาฬิกา
นาฬิกาสตีลขนาด 42 มม. รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกา Type XX รุ่นพลเรือนในยุค 1950-1960 หน้าปัดสีดำแสดงฟังก์ชันจับเวลา ได้แก่ ตัวนับ 15 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ตัวนับ 12 ชั่วโมงที่ 6 นาฬิกา และเข็มวินาทีที่ 9 นาฬิกา ตัวเลขอารบิก เข็มนาฬิกา และสามเหลี่ยมบนขอบหน้าปัดเคลือบสารเรืองแสงสีงาช้าง พร้อมช่องแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 4:30