นิรมล ดิเรกมหามงคล ปั้น LIV-24 สู่ New S-Curve ของแสนสิริ ด้วย Technology Solution แบบครบวงจร - Forbes Thailand

นิรมล ดิเรกมหามงคล ปั้น LIV-24 สู่ New S-Curve ของแสนสิริ ด้วย Technology Solution แบบครบวงจร

    โรงงานของคุณพร้อมรับมือกับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน? คำถามธรรมดา แต่เชื่อว่ายากจะหาคำตอบ เพราะหลายครั้งที่เจ้าของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับการสร้างยอดขาย หรือมองหาตลาดใหม่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ แต่หลงลืมไปว่าหนึ่งในรากฐานสำคัญของการสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ คือ การลดสารพัดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอัคคีภัย การบุกรุกจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต การขนส่งที่ล้าช้า ไปจนถึงการบริหารจัดการน้ำดี น้ำเสียและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ

    ลองจินตนาการดูว่า ถ้าในขณะที่ธุรกิจกำลังไปได้สวย แต่ต้องมาสะดุดเพราะปัญหาที่ไม่ได้วางแนวทางป้องกันไว้ก่อนเกิดเหตุ จะกระทบต่อธุรกิจมากแค่ไหน จากอินไซต์นี้เองจึงกลายเป็นที่มาที่ทำให้ LIV-24 ผู้เชี่ยวชาญด้านการ Technology Solution ตั้งใจนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเจ้าของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ ทั้งในแง่การลดต้นทุน ยกระดับความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ยกระดับอุตสาหกรรมไทยเทียบชั้นนานาชาติ


​นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด

LIV-24 มีจุดเด่นอย่างไร ทำไมถึงเป็นอีกหนึ่งจิกซอร์สำคัญในการสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ที่จะเฉลยคำตอบได้ดีที่สุด คือ นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด กว่าจะเป็น LIV-24

    ก่อนจะเฉลยคำตอบ นิรมล เล่าถึงที่มาของ LIV-24 ที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในมิติต่างๆ อย่างน่าสนใจว่า LIV-24 ก่อตั้งในปี 2016 เดิมเป็นบริษัทลูกของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้นำการบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่อยู่ในเครือของแสนสิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาฯ ในเมืองไทย กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา LIV-24 เพิ่ง Spin-Off ออกมาตั้งบริษัท ลิฟ-24 จำกัด โดยมีหมุดหมายสำคัญ คือ ต้องการเป็น New S-Curve ใหม่ของแสนสิริ ที่ต่อยอดจุดแข็งในการเป็น Technology Solution จากเดิมที่เน้นในกลุ่ม Residence มาสู่ธุรกิจ Industrial

    "ข้อดีของการเป็นส่วนหนึ่งในเครือของแสนสิริ คือ ทำให้บริษัทไม่เพียงมีโอกาสสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการมากกว่า 130 โครงการ ดูแลลูกบ้านมากกว่า 3 แสนครัวเรือน แต่ยังมีเงินทุนและองค์ความรู้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองที่มีประสิทธิภาพ"

​ผสาน Hardware - Software - Humanware แบบไร้รอยต่อ

    นิรมลขยายความถึงจุดแข็งของ Technology Solution ที่ LIV -24 พัฒนาขึ้นเองว่า เป็นการผสาน Hardware - Software - Humanware เข้าด้วยกัน โดยซอฟต์แวร์ที่ใช้ LIV-24 พัฒนาขึ้นเอง จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการสังเกตสัญญาณความเสี่ยงต่างๆ ก่อนเกิดปัญหาของ LIV-24 จากนั้นนำมาวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล เพื่อออกแบบเทคโนโลยีด้วย AI อัจฉริยะ ทำให้สามารถตรวจสอบปัญหาได้อย่างแม่นยำ นำมาผสานกับฮาร์ดแวร์ที่คัดสรรอย่างดี และทีมงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ

    เพื่อให้เห็นภาพการทำงานของ LIV-24 ในโครงการที่อยู่อาศัยทั้งของแสนสิริและอสังหาฯเจ้าอื่น นิรมลยกตัวอย่างการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่โครงการต่างๆ ที่มักจะมีกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจจับความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการ แต่ปัญหาคือหากจังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่หน้าจอ ก็อาจจะไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติ สุดท้ายเมื่อเกิดเหตุผิดปกติหรือความเสียหายไปแล้ว ถึงมาย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิด "แต่ด้วยโซลูชันของ LIV-24 ถูกพัฒนาให้มีความเหนือชั้น ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ (Hardware) ไว้ในพื้นที่ส่วนกลาง และมีระบบ (Software) ช่วยตรวจจับความผิดปกติ เช่น มีผู้บุกรุก มีสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาในพื้นที่ที่เฝ้าระวัง จะแจ้งมาที่ศูนย์ Command Centre เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางประสานงานผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการกับปัญหาหรือความผิดปกติอย่างรวดเร็ว โดยหลายๆ เคสที่ผ่านมา สามารถแก้ไขปัญหาให้จบได้ภายใน 5 นาที ข้อดีของการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีทำให้ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดความเสียหายก่อน แต่สามารถป้องกันก่อนเกิดเหตุได้ทันที"

​ขยายพอร์ตเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

    จากโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างเกินคาดนี้เอง ทำให้ LIV-24 มองว่า คุณค่าของโซลูชันเหล่านี้ น่าจะสร้างคุณค่าและโอกาสทางธุรกิจได้มหาศาล ในปีนี้จึงเดินเกมรุกครั้งใหญ่ขยายบริการมาสู่เจ้าของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม ที่มองหา Technology Solution มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ

    "ด้วย Value ของโซลูชันที่เรามี จะสร้างการเติบโตไปกับธุรกิจที่อยู่อาศัยได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะสร้าง New S-Curve ใหม่ให้กับแสนสิริ เราต้องก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนมาเจาะตลาดภาคอุตสาหกรรม ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น"

    อย่างไรก็ตามแม้โซลูชั่นจะมาถูกทาง แต่นิรมลยอมรับว่า พอเข้ามาบุกตลาดจริงๆ ถึงได้รู้ว่า Pain Point ของลูกค้ากลุ่มธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมมีความแตกต่างจากที่อยู่อาศัย ที่ไม่ได้กังวลเรื่องผู้บุกรุก เท่ากับเหตุอัคคีภัย หรือการหยุดชะงักกระบวนการผลิดจากปัญการะบบไฟฟ้า ดังนั้น พอได้อินไซต์เหล่านี้มา ทางทีมเลยกลับมาทำการบ้านเพื่อออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด และดีไซน์แพคเกจให้สามารถ Customize เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละธุรกิจ

    นิรมล กล่าวว่า โมเดลการทำงานของ Industrial Solution ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ มีจุดศูนย์รวมอยู่ที่ "Command Centre" ที่เชื่อมต่อระบบต่างๆ  โดยมี AI คอยประมวลผลเหตุการณ์ผิดปกติ และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยเฝ้าระวัง ผ่าน Software อัจฉริยะว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นในสถานที่ต่างๆ ซึ่งภาพและข้อมูลต่างๆ จะถูก Streaming เข้ามาใน Command Centre แบบ Real Time 7 ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นหากเกิดเหตุผิดปกติ ก็มั่นใจได้ว่ามีเจ้าหน้าที่คอยประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ พร้อมประสานงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที ก่อนเกิดเหตุความเสียหายสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    ปัจจุบัน LIV-24 มี 6 โซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ อาทิ ระบบป้องกันอัคคีภัย โดยมีการพัฒนา LIV-24EDGE IoT อัปเกรด Fire Protection System เชื่อมต่อกับ Command Centre สามารถมอนิเตอร์อุปกรณ์ได้ว่าทำงานปกติหรือไม่, ระบบควบคุมโรงงานอัจฉริยะ (IOT MONITORING SYSTEM) และระบบการจัดการวิศวกรรมครบวงจร มอนิเตอร์ระบบประปา ไฟฟ้า ลิฟต์, ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวอัตโนมัติ (AI CCTV ANALYTIC) ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งแปลกปลอม หรือ พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ สามารถตรวจับได้ แม้แต่ในจุดอับที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า, ระบบติดตามการขนส่งแบบ Real Time (FLEET MANAGEMENT) ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับขี่ ด้วย GPS Tracking รู้ทันทีหากมีการขับออกนอกสถานที่ ป้องกันการขโมยถ่ายน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยี AI ประเมินการใช้เชื้อเพลิง แก้ปัญหาการขนส่งที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังมีระบบดูแลจัดการคุณภาพน้ำดีที่ใช้ในโรงงงานและน้ำเสียที่ออกจากโรงงาน (WASTE WATER MANAGEMENT) ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่า BOD และ COD แจ้งเตือนแบบ Real-Time เมื่อน้ำไม่ได้มาตรฐานที่กำหนด ตลอดจน ระบบ IoT ที่จับเก็บข้อมูลการใช้พลังงานในอาคาร (ENERGY MANAGEMENT) นำดาต้ามาวิเคราะห์และวางแผนการเปิด-ปิดระบบไฟอนุมัติช่วง Off-Peak, On-Peak และสลับกิจกรรมที่ใช้ไฟมากไปยังช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อบริหารค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ


​นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด

ก้าวข้ามขีดจำกัด ติดปีกธุรกิจ

    ทั้งนี้ นิรมล เสริมว่าทั้ง 6 โซลูชันที่ออกแบบมาอย่างครบวงจร เสมือนมี Audit ช่วยเข้าไปตรวจสอบระบบต่างๆ ให้เจ้าของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม ที่สำคัญยังสามารถเลือก Tailor Made โซลูชันได้ตามความต้องการ

    ไม่เพียงตอบโจทย์โลกยุคใหม่ และตอบโจทย์บริบทสังคม ที่นับวันวัยแรงงานจะน้อยลง โซลูชันเหล่านี้ยังช่วยเจ้าของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของทุกธุรกิจที่สำคัญ และยังยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยเทียบชั้นนานาชาติ โดยเฉพาะในยุคที่เทรนด์ ESG กำลังมาแรง ดังนั้น การที่ธุรกิจหรือโรงงานมีระบบจัดการเรื่องน้ำและพลังงานที่ตรวจสอบได้ จะยิ่งเพิ่มแต้มต่อในการทำธุรกิจ

    "เรานิยามตัวเองเป็น Solution Provider ที่พร้อมนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ แบบไม่ปิดกั้น เพราะเราไม่ใช่ผู้ผลิตหรือเจ้าของฮาร์ดแวร์ แต่เราพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เหมือนเป็นกระดูกสันหลังของระบบ ดังนั้นเราพร้อมร่วมมือกับทุกพาร์ตเนอร์ เลือกในสิ่งที่คิดว่าดีมาปลั๊กอิน Hardware - Software - Humanware เข้าด้วยกัน ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยโมเดลนี้จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใน 3 ปี เราอยากเห็น LIV-24 เป็นเหมือนมาตรฐานที่การันตีคุณภาพด้านความปลอดภัย การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 5 ปี" นิรมลกล่าวทิ้งท้าย