เปิดตำนานบทใหม่ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ถอดรหัสกลยุทธ์พิชิต Top 3
“ถึงชื่อจะเปลี่ยนไป แต่ตัวตนของแบรนด์ยังคงเดิม” นี่คือประโยคสั้นๆ แต่ทรงพลังจากปาก แสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) ในโอกาสแถลงแผนธุรกิจ 2021 ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม หลังจากที่มีการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กับ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ อาทิ แบรนด์โกลเด้นแลนด์ทาวน์ โกลเด้น นีโอ เดอะ แกรนด์ โดยปัจจุบันมีโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงรวม 60 โครงการ
ถึงชื่อใหม่ แต่หัวใจ (ในการพัฒนาโครงการ) ยังคงเดิม
อย่างที่ทราบกับดีว่า หลังจากมีการควบรวมกิจการ ทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ขึ้นแท่น เป็นอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์มากกว่า 1 แสนล้านบาท ดำเนินธุรกิจครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 ประเภท คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และ พาณิชยกรรม โดยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม”
ผลจากการรวมพลังเพื่อเติบโตนี้ ทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ยังคงเป็นผู้นำอันดับท็อป 5 ของประเทศ ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากกว่าเดิม ทำให้สามารถเพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้หลากหลายขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง อีกทั้งช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ที่ท้าทาย
จากจุดเริ่มต้นของโกลเด้นแลนด์ ซึ่งก่อตั้งในปี 2013 ได้สร้างชื่อในฐานะดีเวลลอปเปอร์ที่สร้างมิติใหม่ให้กับวงการทาวน์เฮาส์ ชูความแตกต่างด้วยแบบบ้านและฟังก์ชั่น กระทั่งในปี 2015 ได้เข้าซื้อหุ้นเคแลนด์ พร้อมต่อยอดธุรกิจรุกตลาดบ้านเดี่ยวและนีโอ โฮม บ้านแฝด ก่อนจะบุกตลาดต่างจังหวัดในปี 2017 ครอบคลุม ในหลายพื้นที่ ทั้งขอนแก่น อยุธยา เชียงราย พัทยา โคราช เชียงใหม่ และ ฉะเชิงเทรา ทุกโครงการล้วน ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะแนวคิดการเลือกทำเลที่ไม่เหมือนใคร พร้อมนำเสนอฟังก์ชั่น ที่แตกต่าง
ด้วยเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ที่บ่มเพาะจากความตั้งใจในการพัฒนาทุกโครงการตั้งแต่การเลือกทำเล การตั้งราคา และการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกนี้เอง ทำให้ผู้บริหารคนเก่งมั่นใจว่า ต่อให้วันนี้ ชื่อโกลเด้นแลนด์จะเปลี่ยนไป แต่จุดเด่นที่เป็นยูนีกของแบรนด์จะยังคงอยู่
เปิด 4 พันธกิจพิชิตเป้า Top 3 ใน 3 ปี
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ตั้งเป้ารายได้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีนี้ โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากหลากหลายธุรกิจ ได้แก่ ทาวน์โฮม 42% นีโอ โฮม บ้านแฝด 23% บ้านเดี่ยว 21% และโครงการต่างจังหวัด 14% โดยจากนี้ยังมีแผนจัดซื้อที่ดินประมาณ 20 แปลง ในงบประมาณ 10,720 ล้านบาท วางแผนเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่า 29,800 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท โครงการนีโอ โฮม บ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท และโครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครบทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมบ้าน สวย ครบ คุ้ม บนทำเลที่ดี
ทั้งนี้ เพื่อไปถึงเส้นชัยที่ปักหมุดไว้ แสนผิน วางกลยุทธ์การตลาดเพื่อพิชิตเป้าหมาย โดยแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้
1.ทาวน์โฮม ยังมุ่งเติมโครงการในทำเลเดิม และขยายไปในทำเลใหม่ โดยเน้นทําเลที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งตลาด รักษาคุณภาพการก่อสร้าง ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีสีสันมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังคงจุดเด่นด้านฟังก์ชั่น เช่น การเพิ่มพื้นที่ให้สามารถตากผ้าได้โดยไม่ต้องกลัวฝน แต่ยังได้รับแสงแดด เป็นต้น เหตุผลที่ต้อง นำเสนอสิ่งใหม่ๆ สู่ตลาด เพราะในฐานะผู้นำในตลาดนี้ ต้องไม่หยุดสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
2.นีโอ โฮม โครงการบ้านแฝด “จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการบ้านแฝดที่เราทำ คือ เน้นทำเล ใกล้เมือง มาพร้อมฟังก์ชั่นระดับบ้านเดี่ยว และราคาเข้าถึงได้ ซึ่งในปีหน้าเรามีแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เช่นเดียวกับโครงการบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งจะพัฒนาให้เหมาะกับที่ดินที่มีราคาสูงขึ้น ควบคู่ไปกับคุณภาพโครงการ ฟังก์ชั่น และความหรูหรา ในส่วนของโครงการต่างจังหวัด เรายังชูจุดเด่นเรื่องทําเลที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งตลาด ไม่เน้นแข่งขันที่ราคาแต่เลือกทำเลที่ใกล้แหล่งชุมชน”
3.ซิตี้โฮมและคอนโดมิเนียม “ในส่วนของซิตี้โฮม เราเล็งว่าจะพัฒนาประมาณ 2 โครงการ เน้นทำเล ในเมือง เข้าถึงสะดวก เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคนที่มองหาคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ เรามีแผนพัฒนาอีก 1-2 โครงการ เน้นเจาะกลุ่มคนทํางานในเมือง บนทําเลที่ไม่สามารถทําทาวน์โฮมได้ โดยชูฟังก์ชั่นพร้อมดีไซน์สวยและคุ้มค่า
“ตลาดซิตี้โฮมหรือบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับราคา 15-40 ล้านบาท เป็นตลาดที่เราให้ความสนใจมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมายังหาที่ดินที่ราคาลงตัวไม่ได้ เพราะถ้าจะพัฒนาโครงการระดับนี้ ราคาที่ดินต้องไม่เกิน 1 แสนบาทต่อตารางเมตร ส่วนเหตุผลที่สนใจตลาดกลุ่มนี้ เพราะนอกจากโควิด-19 ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น จึงต้องการที่อยู่อาศัยที่รองรับไลฟ์สไตล์การทำงานที่บ้านในราคาต่อตารางเมตรที่ถูกกว่าคอนโดมิเนียม อีกทั้งยังถือเป็นการขยับพอร์ตสินค้า เพื่อจับกลุ่มกลาง-บนมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ โดยทำเลที่มองว่าน่าจะตอบโจทย์ซิตี้โฮม คือ วิภาวดี พระราม 9 สาธุประดิษฐ์ หรือโลเคชั่นที่ทำคอนโดฯ ราคา 2 ล้านได้
จากกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมา แสนผินมองว่าจะพาให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม พิชิต 3 เป้าหมาย ได้แก่ 1.ก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของผู้นำตลาดอสังหาฯ ด้านรายได้ 2.เป็นอันดับที่ 1 ในใจลูกค้า สำหรับคนที่มองหาทาวน์โฮม ทําเลในเมือง 3.เป็นอันดับที่ 1 ในการทำบ้านแฝด และเป็นผู้นำตลาดต่างจังหวัด ด้านยอดขายสูงสุด
ส่องอนาคตตลาดอสังหาฯปี 64
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2564 แสนผินมองว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะเติบโตกว่าปีนี้ แต่ตลาดยังมีการแข่งขันสูง โปรโมชั่นยังคงดุเดือด เพราะทุกบริษัทต้องการเติบโต ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ แต่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและหนี้ครัวเรือนยังคงสูง ส่งผลให้มีการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้น เกิดการชะลอการซื้อ นอกจากนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังทําให้เกิดความไม่แน่นอน การเมืองยังไม่นิ่ง กลายเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับผู้ประกอบการ ต้องมีความรอบคอบและแม่นยำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับตัวและตอบรับให้ทันกับทุกสถานการณ์ เรียกว่าเป็นยุคของมืออาชีพอย่างแท้จริง
มาถึงผลงานในปีนี้ ซึ่งทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แสนผินยอมรับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เฉพาะกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ม.ค.-ก.ย. ปีนี้ มียอดรับรู้รายได้ 10,894 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบ 15,000 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 4 บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 3 โครงการ (นีโอ โฮม บ้านแฝด 2 โครงการ และทาวน์โฮม 1 โครงการ) มูลค่ารวม 3,050 ล้านบาท โดยยังคงได้รับ การตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ในอนาคตเพื่อตอบโจทย์เทรนด์โลกดิจิทัล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ยังมีแผนพัฒนาโปรแกรมและแอปพลิเคชั่นกว่า 30 แอพ สำหรับพนักงานให้ครอบคลุมในทุกเรื่องทุกกระบวนการ ไม่ว่า จะเป็นการซื้อที่ดิน การบริหารงานก่อสร้าง การขายและการตลาด สินเชื่อ และการดูแลลูกค้าหลังโอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งความรวดเร็ว แม่นยำและทันสมัย นอกจากนี้ ยังได้เริ่มจัดทำโปรแกรม Home+ (โฮมพลัส) เพื่อดูแลลูกค้าตั้งแต่ ก่อนซื้อ ส่งมอบ หลังเข้าอยู่ พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์สุดพิเศษต่างๆ อีกด้วย