โครงการนี้ถูกจับตามองตั้งแต่ที่ MQDC หรือ บมจ.แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ดีลซื้อที่ดินปิยรมย์ สปอร์ตคลับเดิม บริเวณริมถนนสุขุมวิท ช่วงสถานี BTS ปุณณวิถี เพื่อนำมาพัฒนาใหม่ในชื่อ Whizdom 101 (วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน) โครงการมิกซ์ยูสคอนโดมิเนียม ออฟฟิศ รีเทล และสปอร์ตคลับ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2558 แมกโนเลียฯ เปิดแผนการพัฒนา
Whizdom 101 บนพื้นที่ 43 ไร่ หน้ากว้าง 100 เมตร แบ่งพื้นที่เป็นโซนพื้นที่ที่อยู่อาศัย 17 ไร่ ก่อสร้างคอนโดมิเนียม 3 อาคาร รวมประมาณ 3 พันยูนิต และโซนพื้นที่เชิงพาณิชย์อีก 26 ไร่ หรือคิดเป็น 2 แสนตารางเมตร ส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือออฟฟิศบิลดิ้ง 2 เฟส พื้นที่รวม 7 หมื่นตร.ม. รองลงมาคือพื้นที่รีเทล 2 หมื่นตร.ม. 200 ร้านค้า และสุดท้ายคือสปอร์ตคลับ 1 หมื่นตร.ม. โดยได้
ClubCorp แบรนด์จากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บริหาร
(หมายเหตุ: ณ วันที่ 5 เมษายน 2560 Forbes Thailand ได้รับแจ้งจาก MQDC ว่าสัญญาพันธมิตรกับ ClupCorp ได้สิ้นสุดลง และจะสรุปพันธมิตรใหม่ที่จะเข้าบริหารพื้นที่สปอร์ตคลับต่อไป)
มีไฮไลต์คือพื้นที่สีเขียว 30% ของโครงการ มีเลนจักรยาน-ลู่วิ่งออกกำลังกายภายในโครงการยาว 1.3 กม. นอกจากนี้ ยังลงทุน 120 ล้านบาทสร้าง sky walk ยาว 300 เมตรจากสถานี BTS ปุณณวิถีตรงเข้าสู่ชั้น 2 ของออฟฟิศบิลดิ้ง ด้วยความหวังของแมกโนเลียฯ ที่ต้องการให้ Whizdom 101 เป็นโปรเจ็กต์เรือธงและเป็นแลนด์มาร์กของบริเวณนี้
ความเคลื่อนไหวตลอด 2 ปี 2558-59 แมกโนเลียฯ เปิดตัวคอนโดมิเนียมแล้ว 2 อาคาร คือ
วิสซ์ดอม คอนเนค และ
วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ มียอดขาย 100% และ 70% ตามลำดับ ราคาขายปัจจุบันวิ่งไปที่ 1.5 แสนบาท/ตร.ม. อีก 1 อาคารคาดเปิดตัวภายในปีนี้ และแถลงการจับมือร่วมกับ
TRUE เพื่อสร้าง Digital Park ติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกเร่งความเร็วอินเทอร์เน็ต ให้เหมาะกับการวางตำแหน่งในตลาดของโครงการที่ต้องการเป็นแหล่งดึงดูดสตาร์ทอัพ Gen Y
วันนี้
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
MQDC และ
สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการบริหาร
MQDC หัวเรือใหญ่การพัฒนาโครงการ Whizdom 101 เปิดเผยเพิ่มเติมถึงคอนเซปท์ส่วน “รีเทล” ที่จะมาเติมเต็มโครงการ
“เราต้องการให้ที่นี่เป็น Third Place คือสถานที่ที่นอกเหนือจากบ้านกับที่ทำงาน คุณมาพักผ่อนทำงานในร้านกาแฟหรือในสวนของที่นี่ได้ เข้ามาแล้วไม่ต้องเครียด ได้แรงบันดาลใจในการทำงานแทน โครงการนี้มีมิกซ์ยูสครบถ้วนทั้งคอนโดฯ ออฟฟิศ รีเทล และมีสวน ซึ่งดึงดูดคนรุ่นใหม่ Gen Y ที่การทำงานกับการพักผ่อนของพวกเขาผสมกันอย่างแยกไม่ออก” วิสิษฐ์กล่าว
โดยสุทธากล่าวว่า นอกจากเลนจักรยาน 1.3 กม. และสวนสีเขียว Whizdom Park แล้ว อีกโซนสำคัญคือรีเทล จะถูกแบ่งเป็น Hillside Town กับ 24 Hours Street
สำหรับ
Hillside Town จะออกแบบเป็นเนินเขา มีทางเดินลัดเลาะตามชายเขาโดยมีร้านค้าต่างๆ เรียงรายตามเส้นทาง ส่วน
24 Hours Street เป็นถนนร้านค้า 24 ชั่วโมง มีร้านค้าหลัก เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น จะดึงดูดผู้เช่าทั้งร้านอาหารเช้าและร้านอาหารกลางคืน ตอบโจทย์คนทำงานได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งพื้นที่รีเทล 50% จะเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม อีก 50% เป็นร้านค้าบริการ เช่น ร้านตัดผม ธนาคาร
ลักษณะการออกแบบพื้นที่รีเทล 80% เป็นโซนกลางแจ้ง (outdoor) โดยออกแบบตามทิศทางลมเพื่อให้มีลมพัดผ่านตลอดเวลา พร้อมระบบ EVAP (Evaporative Air Cooling System) ลดความร้อนลง และถึงแม้จะเป็นโซน outdoor แต่ออกแบบให้น้ำฝนไม่หยดลงมาด้านล่าง
“ทุกวันนี้คน Gen Y อายุ 30 บวกลบจะไปนั่งทำงาน พักผ่อน ที่ทองหล่อหรือสยามกระจัดกระจายตามร้านต่างๆ แต่เราเชื่อว่า Whizdom 101 ดึงดูดให้คนมาได้ เพราะวางตัวเองเป็น Innovation Hub ไม่ใช่รีเทลอย่างเดียวเหมือน Community Mall หรือห้างฯใหญ่ เชื่อว่าปีแรกที่เปิดบริการคือปี 2561 จะมีคนเข้ามา 4 หมื่นคนต่อวัน และปีถัดไปจะเป็น 5-6 หมื่นคนต่อวัน” สุทธากล่าว
โดยพื้นที่รีเทลเริ่มเปิดให้เช่าพื้นที่แล้ว 2 เดือน ราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อตร.ม.แล้วแต่โซนร้านค้า อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้เช่าที่จะต้องมีการตกแต่งและการบริการในทิศทางเดียวกับทั้งโครงการ ส่วนออฟฟิศให้เช่า ค่าเช่าเริ่ม 700-800 บาทต่อตร.ม.
Whizdom 101 จะเริ่มโอนคอนโดฯยูนิตแรกช่วงต้นปี 2561 และโซนพาณิชย์จะเริ่มย้ายเข้าในช่วงกลางปีหน้า พร้อมใช้บริการเต็มรูปแบบเดือนตุลาคม 2561 สุทธาเชื่อว่าแมกโนเลียฯ จะรับรู้รายได้จากโครงการนี้ปีแรก 1 พันล้านบาท และปี 2562 เป็นต้นไปมีรายได้ค่าเช่า 1.6 พันล้านบาท คาดคืนทุนได้ภายใน 10 ปี