เดอะ พร็อพเพอร์ตี้ เอ. รุกตลาดอสังหาต่อเนื่องพร้อมแตกไลน์ธุรกิจ “ขายสินทรัพย์บ้านมือสอง” ตั้งเป้ารวมปีนี้โตกว่า 10% ดันยอดขาย 2,000 ล้านบาท
พรพิไร นิจวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ พร็อพเพอร์ตี้ เอ. จำกัด เผยว่า “จากประสบการณ์การทำงานบริหารการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่มานานถึง 18 ปี ถือเป็นแนวทางแห่งความสำเร็จ และด้วยแนวทางการให้บริการแบบ 360 องศา ครบวงจรในทุกขั้นตอนของอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 นี้ บริษัทจึงได้วางแผนที่จะรุกตลาดเดิมที่เราทำสำเร็จมาตลอด คือ การบริหารการขาย และการตลาดอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ และบริการที่ปรึกษาการตลาด และบริหารขาย นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเสริมศักยภาพของทีมงานในการขยายไลน์ไปเข้าสู่บริการด้านการขายทรัพย์มือสองอย่างจริงจัง"
ทั้งนี้ โครงการที่ทางเดอะ พร็อพเพอร์ตี้ เอ. บริหารอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ โครงการ The Wealth Luxury Klong 9, Noble Above Wireless-Ruamrudee, แอสโทเรีย พหลโยธิน-ลำลูกกา, ภูผาธารา เขาใหญ่, Casa Vacanza Khao Yai เขาใหญ่, รีวา พูลวิลล่า ชะอำ จ.เพชรบุรี, บ้านบุญยกร เลค พาร์ค รังสิต คลอง 6 จ.ปทุมธานี, อากาศ วิลล่า เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา, บ้านร็อคการ์เด้น สุวินทวงศ์ - อยู่วิทยา, คาราเพซ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, The Ville Express พหลโยธิน, อาร์ท@ทองหล่อ ซอยทองหล่อ 25, Parc Residence at Phahol 67 ซ.พหลโยธิน 67 กรุงเทพฯ เป็นต้น จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท
โดยขอบข่ายการทำงาน ตั้งแต่เริ่มวาง Concept จนถึงกระบวนการขาย / ตรวจรับมอบ / ประสานสินเชื่อกับสถาบันการเงิน จนกระทั่งการโอนกรรมสิทธิ์ ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทางอสังหาริมทรัพย์มากว่า 18 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์จากผลงานกว่า 30 โครงการ โดยสามารถจัดการดูแลบริหารเพิ่มยอดขายและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการวิเคราะห์และศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดและจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้คำปรึกษาและแนะนำการพัฒนาโครงการให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของโครงการ วางแผนกลยุทธ์การขายและการตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จัดหาทีมงานขายที่มีประสบการณ์แบบมืออาชีพ รวมถึงรายงานผลจากการบริหารงานขายโครงการอย่างต่อเนื่อง และยังมีการเสนอแผนด้านการตลาดร่วมและการใช้สื่อโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อให้ปิดการขายโครงการได้อย่างรวดเร็ว
“จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ กับโครงการที่รับบริหารในมือแล้ว และที่จะเพิ่มเข้ามาใหม่ในอนาคตคือ การวางแผนขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่การทำตลาดขายทรัพย์มือสองอย่างจริงจังที่เรามองว่า จะมีทรัพย์เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก และมาตรการของรัฐที่ส่งเสริมเรื่องค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองของทรัพย์มือสองที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันด้วยส่วนหนึ่งในปี 2567นี้ เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะสร้างยอดขายรวมได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 10%” กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SCOPE Thonglor เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Ultra Luxury ขายห้องเพนต์เฮาส์ 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine