The Honor Yothinpattana บ้านหรูจากแอสเซทไวส์ มาพร้อม 2 คลับเฮาส์ฟังก์ชันแน่นมูลค่ารวม 200 ล้าน - Forbes Thailand

The Honor Yothinpattana บ้านหรูจากแอสเซทไวส์ มาพร้อม 2 คลับเฮาส์ฟังก์ชันแน่นมูลค่ารวม 200 ล้าน

ตลาดบ้านลักชัวรีดูเหมือนจะเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดีเวลอปเปอร์หลายรายต่างก็ปรับมูฟเมนต์พัฒนาโปรดักต์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น รวมถึง “แอสเซทไวส์” ที่มีโครงการแฟล็กชิปอย่าง “ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana)” บ้านหรูราคาเริ่มต้น 40-60 ล้านบาท ที่ล่าสุดเผยความคืบหน้าโครงการ มีการพัฒนาคลับเฮาส์สุดอลังการ 2 แห่งในโครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท


    กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลาดบ้านหรูยังคงเติบโตสวนทางตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่า ประกอบกับซัพพลายในตลาดยังมีไม่มากเท่าโครงการในเซกเมนต์อื่น

    โดยลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้สูงหรือ Wealth ให้ความสำคัญกับหลายปัจจัยที่มากกว่าแค่เรื่องดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวก ทั้งยังต้องแวดล้อมด้วยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์สำคัญ

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)


    นอกจากนี้ การออกแบบทุกพื้นที่ในบ้าน ยังต้องตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันของครอบครัวใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ร่วมกัน ขณะเดียวกันเรายังพบว่าลูกค้า Wealth ยังต้องการ Living Fulfillment และมองหาโครงการบ้านหรูที่สามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างเหนือระดับทั้งภายในบ้านและในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการอีกด้วย

    ซึ่งโครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง โดยหลังจากเปิดขายในเฟสแรกที่มีประมาณ 25 หลัง สามารถทำยอดขายกว่า 30% แล้ว

    จุดเด่นของโครงการดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา คือ คลับเฮาส์ 2 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 2,000 ตารางเมตร มูลค่ารวม 200 ล้านบาท

The Social Club


    โดยแห่งแรก คือ The Social Club ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการเพื่อรองรับแขกของลูกบ้าน โดยแยกสัดส่วนจากพื้นที่พักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด ซึ่งไฮไลต์คือห้อง Gentle Club ที่ประกอบด้วย Wine & Cigar Room, Fine Dining Space, Tea Room & Car Salon

The Social Club


The Social Club


    ส่วนคลับเฮาส์อีกแห่งอยู่ในด้านในโครงการ ใช้ชื่อว่า The Residential Club สำหรับลูกบ้านได้มาผ่อนคลายและสังสรรค์กับหลากหลายสเปซ ไม่ว่าจะเป็น Private Chef’s Table Space, Private Spa Therapy, Residential Lounge, The Gym, Kids Club หรือ High Tea Pavilion และห้องออนเซ็น

The Residential Club


The Residential Club


    นอกจากนี้ คลับเฮาส์ยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่ เหมาะสำหรับการใช้งานกับทุกเจนเนอเรชั่น โอบล้อมสวนสวยขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ มอบบรรยากาศเหมือนลูกบ้านได้เข้าพักในรีสอร์ตสุดหรู

    อีกทั้งยังมอบบริการ Living Fulfillment จากทีม Concierge Service บริการผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมซัพพอร์ตลูกบ้านที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกมิติ ตั้งแต่งานด้าน Maintenance โดยผู้เชี่ยวชาญที่ไว้วางใจได้, บริการรถรับส่งสนามบิน บริการสปาที่บ้าน บริการจัดเลี้ยง จัดปาร์ตี้ งานทำบุญเลี้ยงพระ การดูแลด้านสุขภาพ และอีกมากมาย

The Residential Club


    ในแง่ของทำเล โครงการ “ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา” ตั้งอยู่ในซอยโยธินพัฒนาบนพื้นที่โครงการรวมกว่า 38 ไร่ สามารถเดินทางเชื่อมต่อ 3 ย่านสำคัญ อย่างถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, ถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนลาดพร้าว ทั้งยังใกล้ทางด่วนฉลองรัชเพียง 5 นาที และเดินทาง 15 นาทีถึงทองหล่อ


    ไฮไลต์สำคัญอีกอย่างคือโครงการนี้มาพร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัวทุกหลังจำนวน 106 หลัง ราคาเริ่มต้น 40-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท ค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 69 บาท ประกอบด้วยแบบบ้าน 3 ขนาด ได้แก่

    -แบบที่ 1 พื้นที่ใช้สอย 455 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ที่ดิน 60 ตารางวา

    -แบบที่ 2 พื้นที่ใช้สอย 564 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ที่ดิน 75 ตารางวา

    -แบบที่ 3 พื้นที่ใช้สอย 710 ตารางเมตร 6 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ จอดรถได้ 5-6 คัน ที่ดิน 90 ตารางวา


    ทำเลนี้ยังรายล้อมไปด้วย Lifestyle Hub ครบครัน ทั้งสถานศึกษาชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล อาทิ KIS International School, Shrewsbury International School, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา นับเป็นอีกหนึ่งไพรม์โลเคชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเป็นอันดับต้นๆ ในกรุงเทพฯ

    กรมเชษฐ์ กล่าวว่า ต้นทุนที่ดินในย่านนี้นับได้ว่าแพงมากจนไม่สามารถพัฒนาโครงการที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ที่ดินจะมีราคาสูง แต่การพัฒนาโครงการนี้ของแอสเซทไวส์ก็ไม่ได้ลดขนาดและฟังก์ชั่นของบ้านลง ทั้งยังมีคลับเฮาส์ 2 แห่งไว้ให้บริการลูกบ้านด้วย


    “เราคาดว่าโครงการนี้จะขายได้ปีละ 25 ยูนิต และขายได้หมดภายใน 4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนโครงการแนวราบอยู่ที่ 30% ของพอร์ตภายใน 3 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันแอสเซทไวส์มีโครงการแนวราบอยู่ในพอร์ต 3 โครงการ และตั้งเป้าเปิดอีก 3 โครงการในปีนี้” กรมเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย



​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : A5 กางแผนบุกตลาดบ้านลักชัวรี เตรียมเปิด 5 โครงการ มูลค่า 8,200 ล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine