"ศุภโชค ปัญจทรัพย์" ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลปัจทรัพย์ ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย กับเส้นทางการสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 แม้เส้นทางนี้จะยากลำบาก แต่ขอสร้างตำนานบทใหม่ของ A5 ด้วยการตั้งเป้าหมายก้าวสู่บริษัทอสังหาฯระดับ Top 10 ใน 5 ปีข้างหน้า
ความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเถ้าแก่ของ ศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เกิดจากการมองเห็นความสำเร็จจากคุณปู่ โชคชัย ปัญจทรัพย์ เป็นต้นแบบ ซึ่งในปี 1981 ตอนที่เขาเกิดมา ธุรกิจของตระกูลปัญจทรัพย์ประสบความสำเร็จ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ แต่เขาเลือกที่จะไม่สานต่อความสำเร็จตรงนั้น
“ผมไม่ชอบให้ใครเรียกลูกเถ้าแก่ แต่ผมอยากเป็นเถ้าแก่ ที่สร้างธุรกิจด้วยตัวเองเหมือนคุณปู่ แม้เส้นทางนี้จะยาก แต่ผมก็อยากสร้างด้วยตัวผมเอง” นี่คือปณิธานที่มุ่งมั่นของศุภโชคตั้งแต่วัยเด็ก ที่ทำให้เขาสร้างธุรกิจ A5 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ปีที่ 10 และยังคงเดินตามเป้าหมายอย่างมุ่งมั่นในการก้าวสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับ Top 10 ของประเทศ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ฝ่าความยากลำบากสู่ความสำเร็จ
ศุภโชค เล่าว่า เส้นทางการสร้างธุรกิจของตัวเองประสบปัญหาหนักมาก ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการแรกผู้ถือหุ้นก็มาเสียชีวิต ต้องเดินหน้าทำโครงการด้วยตัวเอง โครงการแรกของ A5 คือคอนโดมิเนียม Vio คอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 125 ยูนิต ติดสถานีรถไฟฟ้าศูนย์ราชการ (สายสีม่วง) ที่ต่อมาต้องเผชิญกับปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ถือเป็นบทเรียนแรกในการทำธุรกิจของตัวเองที่เรียกว่า “ล้มลุกคลุกคลาน” เลยทีเดียว แต่ท้ายที่สุดก็ปิดโครงการได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ที่เคยช่วยคุณแม่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาเกือบ 10 ปี ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง ทำให้ ศุภโชค มองเห็นช่องว่างทางการตลาดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะทำให้ A5 ก้าวไปสู่เป้าหมายได้ นั่นคือตลาดคนสร้างบ้านเอง ซึ่งถือเป็น Niche Market ที่มีศักยภาพสูง ด้วยมูลค่าตลาดรวมราว 200,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อมั่นใจว่า A5 สามารถเข้าไปปิดช่องว่างตรงนี้ได้ จึงเกิดโครงการ Vana Residence บนทำเลกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์ Modern Luxury ถือเป็นบ้านเดี่ยวโครงการแรกๆ ที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่กว่า 400 ตารางเมตร
“แนวทางการพัฒนาโครงการของ A5 เราจะสำรวจความต้องการของตลาดและกลุ่มเป้าหมายก่อนที่จะหาทำเล หรือเลือกซื้อที่ดิน การวางโจทย์ที่ชัดเจนจะทำให้เราทำสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้กว้างกว่า จากนั้นจึงพัฒนาโครงการ และสร้างสิ่งที่แตกต่างที่ไม่มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เคยทำมาก่อน แต่เป็น Value ที่ลูกค้าต้องการในตลาดนั้นๆ”
ศุภโชค ยกตัวอย่างโครงการแซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการระดับ Super Luxury ราคา 60-150 ล้านบาท ของ A5 มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถได้มากสุดถึง 12 คัน เมื่อเราสำรวจและวิจัยจนพบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ สิ่งที่ A5 ทำคือการสร้างคุณค่า (Create Value) ให้กับที่อยู่อาศัยผ่านแนวคิด 5 Values of Life เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่ทำ “บ้าน” ให้มากกว่าแค่ “บ้าน” จนทำให้โครงการแซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีเกินกว่าคาดไว้
ชูแนวคิด 5 Values of Life
สิ่งที่ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ของ A5 แตกต่างจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายอื่น เกิดจากการที่ ศุภโชค วางแนวคิดในการสร้างคุณค่า 5 ด้าน (5 Values of Life) ซึ่งประกอบด้วย
1. ASSET การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ไม่ใช่แค่การสร้างความพึงพอใจในการอยู่อาศัย แต่เป็นการทำให้ที่อยู่อาศัยนั้นมีมูลค่าที่สามารถขายต่อได้และมีกำไร สะท้อนออกมาผ่านการเลือกทาเลที่มีศักยภาพและการเติบโตเพิ่มมูลค่าในอนาคต
2. LEGACY การพัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยวัสดุคุณภาพดี มีความคงทน เหมาะสมกับราคา ผสมผสานดีไซน์สวยงามเหนือกาลเวลา เสมือนของสะสมที่ส่งผ่านเป็นมรดกแห่งความภูมิใจสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้
3. FAMILY การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงความสุขของทุกคนในครอบครัว การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่มากเพียงพอทำให้ทุกคนสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้ และมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทุกคนได้
4. FREEDOM การพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระ มีอิสระในการเดินทาง ด้วยทำเลที่สะดวกสบาย หรือสามารถทำงานได้อย่างอิสระในทุกที่ และอิสระในการจินตนาการออกแบบฟังก์ชันการใช้งาน สะท้อนผ่านการพัฒนาตัวบ้านให้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ
5. ASPIRATION การพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ตอบโจทย์ทุกปณิธานในการใช้ชีวิต เป็นยิ่งกว่าแรงบันดาลใจในการอยู่อาศัยภายในบ้านที่อยู่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัย
ศุภโชค กล่าวว่า ได้ส่งต่อแนวคิด Asset ใน 5 Values of Life ไปยังชุมชนรอบข้างที่อยู่อาศัย ผ่านโครงการ CSR ชื่อว่า Dare to Care และ Dare to Dream โดยร่วมมือกับพันธมิตร คู่ค้า เข้าพัฒนาโรงเรียนและชุมชน รอบโครงการ เช่น ปรับปรุงโรงเรียน ทาสี ถือเป็นอีกหนึ่งในการสร้างคุณค่าให้กับชุมชนข้างเคียงในทำเล ให้กับสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เราได้มีส่วนในการพัฒนาให้ดีขึ้น เป็นหนึ่งในปณิธานการทำธุรกิจที่ยืดมั่นมาโดยตลอด
ปัจจุบัน โครงการของ A5 ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม Vio แคราย 1, 2 โครงการ VANA Residence โครงการ Tonson One Residence และ CINQ Royal กรุงเทพกรีฑา นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านรชยา ที่จังหวัดอุดรธานีอีก 6 โครงการ สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของ A5 ในช่วง 2 ปี (2566 – 2567) รวมมูลค่า 8,400 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ CINQ Royal 2 โครงการ VANA Residence 2 , VANA 3 และโครงการบ้านรชยา ที่จังหวัดอุดรธานี
สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา A5 มีรายได้รวม 650 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากยอดโอนโครงการต่าง ๆ รวม 1,600 ล้านบาท และภายในปี 2569 คาดว่าจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท และก้าวสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับ Top 10 ภายใน 5 ปี
ถึงตอนนี้ ศุภโชค กล่าวว่า มาได้ครึ่งทางของความฝัน ยังมีฝันอีกมากที่จะผลักดันให้ A5 ก้าวไปสู่เป้าหมาย ซึ่งต้องอาศัยความอึดทน และสู้ไม่ถอย “ไม่สำเร็จ ไม่เลิก” ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และยิ่งไปกว่านั้นต้องสร้างความแตกต่าง “ถ้าเราเดินตามคนอื่น เราก็ไม่โต” และนี่คือปณิธานของ “ศุภโชค” ในเส้นทางของการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องสร้างด้วยตัวเอง