ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เผยภาพรวมตลาดที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ตปี 2566 มีสัญญาณการฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมที่ทำสถิติยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวิลล่าและคอนโดมิเนียมในภูเก็ต มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการผ่อนคลายการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรีในภูเก็ตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้พัฒนาโครงการ
โดยเฉพาะภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทำสถิติยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1,486 ยูนิต สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีอัตราการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่อยู่ที่ 364 ยูนิต
ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีคอนโดมิเนียมใหม่เปิดตัวรวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 8.9% และยังถือว่ามีการเปิดตัวโครงการมากกว่าช่วงปี 2561-2565 หรือคิดเป็น 2.03 เท่าของค่าเฉลี่ยการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
โดยทำเลที่มีการเปิดตัวสูงที่สุดจะเป็นทำเลชายฝั่งตะวันตกกลาง West Coast (Central) โดยหาดที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุด คือ หาดบางเทา และหาดลายัน
สำหรับซีบีอาร์อีปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 113% ของตัวเลขยอดขายรวมทั้งปี 2565 โดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ 50 เท่ากัน ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากโซนยุโรปและโซนเอเชีย ได้แก่ รัสเซีย จีน และอังกฤษ ตามลำดับ
โดยซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าในปี 2567 ชาติดังกล่าวข้างต้นจะยังคงเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักเช่นเดิม อีกทั้งยังพบว่า มีตัวเลขชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจับตามอง ด้วยการเพิ่มขึ้นของตัวเลขการสอบถามที่พักอาศัยตากอากาศอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ กลุ่มตะวันออกกลาง และอินเดีย
โดยพฤติกรรมของชาวต่างชาติจะเริ่มต้นจากการเข้ามาท่องเที่ยวและชื่นชอบในตัวจังหวัดภูเก็ต จึงเกิดความสนใจในที่พักอาศัยตากอากาศ อีกทั้งยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการลงทุนจึงเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้ซื้อ หรือนักลงทุน แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2567 จะยังคงได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
ประกายเพชร ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สองวัตถุประสงค์หลักที่ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ต ได้แก่ การซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ร้อยละ 79 รองลงมาคือเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สอง ร้อยละ 21
สำหรับลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากชอบศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ และต่างประเทศ ประกอบกับเล็งเห็นแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งโครงการระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การขยายท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571 โดยจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะมายังภูเก็ตกว่า 18 ล้านคนต่อปี
รวมถึงการสร้างทางด่วนสายใหม่กะทู้-ป่าตอง และโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับใหม่ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพของภูเก็ตให้สามารถดึงดูดผู้มาเยือนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) ซึ่งปัจจุบันตัวเลข expat มีจำนวนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ สะท้อนถึงดีมานด์และศักยภาพของผู้เช่าระดับบนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะหมุนเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยทำเลที่ลูกค้าซีบีอาร์อีมองหาเป็นอันดับต้นๆ คือ บริเวณหาดบางเทา และหาดลายัน เนื่องจากมีชายหาดที่สวยงามและเป็นหาดที่ยาวเป็นอันดับสองในภูเก็ต และโดดเด่นในด้านการเดินทางเชื่อมทำเลอื่นๆ ได้สะดวก อาทิ เซ็นทรัลภูเก็ต ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ถลาง เมืองเก่าภูเก็ต สนามกอล์ฟ โรงพยาบาลชั้นนำ และ โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจและการท่องเที่ยว
อีกทั้งยังเดินทางสะดวกจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทำให้มีที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรี่อยู่มากที่สุด หาดบางเทาและหาดลายันจึงเป็นหนึ่งในทำเลเศรษฐกิจและทำเลที่น่าอยู่อาศัย เหมาะแก่การซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่าและอยู่อาศัยเอง
ทั้งนี้จุดแข็งของคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในจังหวัดภูเก็ตคือมีการบริหารการเช่า ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มนักลงทุนโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของการบริหารจัดการ การหาผู้เช่า และมีข้อดีคือทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของตนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
ซึ่งหากพูดถึงการลงทุนแล้ว สิ่งแรกที่ลูกค้าหลายคนมองหาคือ อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในแต่ละปี (Yield) ผลตอบแทนกับเงินที่ลงทุนไป (Return on Investment) และระยะคุ้มทุน (Payback Period) รวมถึงมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต (Value Appreciation) หากไม่ได้อยู่อาศัยเอง ก็สามารถปล่อยเช่าเพื่อสร้าง Passive Income ได้
โดยอัตราผลตอบแทนในการปล่อยเช่าจากคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีในภูเก็ตที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 6-8% ต่อปี ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนในการลงทุนที่ได้ขึ้นอยู่กับการตกแต่งภายใน ขนาดของห้อง รวมถึงวิวและเซอร์วิสที่ได้รับจากทางโครงการ
“สำหรับปี 2567 ซีบีอาร์อีเชื่อว่าคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีในภูเก็ตจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่กำลังมองหาที่พักอาศัยตากอากาศเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าและอยู่อาศัยเอง โดยคอนโดมิเนียมรูปแบบ Branded Residence ที่มีเซอร์วิสที่ได้มาตรฐานการบริการจากเครือโรงแรมระดับห้าดาวและมีการบริหารการเช่าพ่วงมาด้วยแล้วนั้น จะอยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆ ที่ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีมองหา เพราะมีความสะดวกสบายมากกว่าโครงการทั่วไป
“อีกทั้งหากไม่อยู่อาศัยเองก็ยังสามารถลงทุนปล่อยเช่าและทำกำไรในระยะยาวได้ โดยการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนจังหวัดภูเก็ตที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลดีต่อตลาดที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ตเช่นกัน” ประกายเพชร กล่าวสรุป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิดลิสต์ทำเลทอง ประจำปี 2566 “BTS อ่อนนุช” ทำเลแนวรถไฟฟ้าสุดฮอต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine