ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นเป้าหมายสำคัญในการลงทุนจากบริษัทอสังหาฯ ประเทศจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่น King Wai Group กลุ่มบริษัทจากจีนที่มีธุรกิจหลากหลาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และอี-คอมเมิร์ซ ประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปีในจีนและฮ่องกง ที่เริ่มขยายธุรกิจออกนอกประเทศหลังการปรับใช้ นโยบาย “Belt and Road Initiative” (BRI) ของรัฐบาลจีน โดย Henry Chan ประธานกรรมการ King Wai Group ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศที่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางและประตูสู่การทำธุรกิจของภูมิภาคนี้ในอนาคต
หลักเกณฑ์ที่ใช้ตัดสินใจเลือกลงทุนในแต่ละประเทศ
เรามีปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องคำนึงในการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเราเล็งเห็นสัญญาณบวกจากประเทศไทยที่เป็นผลมาจากแผนยุทธศาสตร์เขตพัฒนาพิเศษระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และด้วย King Wai Group เป็นบริษัทที่มีธุรกิจหลากหลายประเภท เราจึงเล็งเห็นโอกาสจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติในไทยที่กำลังจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตลาดไทยเป็นตลาดที่ King Wai Group ให้ความสำคัญอย่างมาก และมุ่งการลงทุนระยะยาว ซึ่งเรามองว่าไทยเป็น “ศูนย์กลาง” ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะเปิดโอกาสให้ King Wai Group เชื่อมธุรกิจและการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทใดที่ King Wai Group สนใจลงทุน
ในระยะยาวเราจะมุ่งเน้นพัฒนาทั้งโครงการเพื่อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และโครงการขนาดใหญ่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำลังเข้าพิจารณาใช้สิทธิพิเศษของ EEC โดยโครงการนี้ King Wai Group จะพัฒนาให้เป็นคอมมูนิตี้ mixed-use นอกจากนี้ ยังมีที่ดินในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งวางแผนจะให้เป็นแบบ mixed-use เช่นกัน
ทั้งนี้ โครงการคอมมูนิตี้ mixed-use ที่ฉะเชิงเทรา จะมีเนื้อที่ราว 2,000 ไร่ โดยการพัฒนาเฟสแรก ตั้งเป้าไว้ที่ระยะ 5 ปี พื้นที่ 300 ไร่ คาดว่าใช้งบประมาณการลงทุนราว 3 พันล้านบาท ซึ่งภายในจะประกอบด้วยศูนย์สุขภาพ ศูนย์กระจายสินค้า และพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย
ส่วนโครงการที่พระนครศรีอยุธยาพื้นที่ราว 2,600 ไร่ บริษัทวางแผนการพัฒนาให้เป็นพื้นที่เพื่อการศึกษาค้นคว้า วิจัย พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ การอยู่อาศัยและโรงแรม โดยเฟสแรกคือการพัฒนาพื้นที่เพื่อการ ศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและโท รวมทั้งสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการอื่นๆ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ เรามีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงแนวราบย่านวัชรพล 1 โครงการ อีก 2 โครงการจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม แนวราบบนทำเลสุขุมวิท 31 และสุขุมวิท 61 และอีกโครงการเป็นคอนโดมิเนียมแนวสูงย่านถนนพระราม 4 ซึ่งตามแผนการลงทุนทั้งหมดนี้ เป้าหมายของ King Wai Group ก็คือต้องการเติบโตในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยอย่างมีคุณภาพ มากกว่าการใช้เม็ดเงินลงทุนสร้างให้ทุกอย่างเติบโต
มุมมองต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็มี real demand หรือความต้องการบริโภคสินค้าที่แท้จริง ซึ่งยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอยู่ และแม้ว่าการเข้ามาแข่งขัน ในภาคธุรกิจนี้ของไทยจะรุนแรง สำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ แต่เรามองว่าสถานการณ์นี้ เป็นโอกาสให้เราทำความเข้าใจกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้ซื้อทั้งในไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ดี แม้ไทยเป็นประเทศที่มีภาระหนี้สินครัวเรือนสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนตามหลังมาเลเซีย โดยไตรมาสแรกของปีนี้หนี้ครัวเรือนของไทยยังคงอยู่ที่ร้อยละ 77.7% ของจีดีพี คิดเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูง แต่เราในฐานะนักลงทุนก็ยังมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
นอกจากนี้ โครงการโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาลไทยที่มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาทนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ รวมถึงไทยยังเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเงิน เพราะมีทุนสำรองระหว่างประเทศของปี 2561 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คือราว 43.52% ของจีดีพี
เรื่อง : กัญสุชญา สุวรรณคร คลิกอ่านครบทุกเรื่องราวจาก “Henry Chan อสังหาฯ ไทย เชื่อมโอกาสการลงทุน” ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษ November 2018