สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เผยมูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาก่อสร้างบ้านไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับตัวลดลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 คาดยอดสั่งสร้างบ้านรวมสิ้นปีนี้ 11,000 ล้านบาท
โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 4 ปี 2567 แนวโน้มค่อนข้างดีและเป็นไปในทิศทางบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 และไตรมาส 3 โดยไตรมาส 2 ยอดตกลงเกือบ 20% ขณะที่ไตรมาส 4 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 ประมาณ 10%
สาเหตุจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และขานรับต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งมาตรการเงิน 10,000 บาทที่ส่งถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ผู้บริโภคที่วางแผนสร้างบ้านเริ่มกลับมาตัดสินใจสร้างบ้านอีกครั้ง หลังจากชะลอแผนไปในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ความต้องการสร้างบ้านที่มีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 4 เป็นกลุ่มบ้านราคา 5-10 ล้านบาท รองลงมาเป็นราคา 20 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ครั้งล่าสุด โดยคิดเป็นสัดส่วนกรุงเทพ/ปริมณฑล 65% และต่างจังหวัด 35%
ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ตลาดรับสร้างบ้านยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงจูงใจด้านการลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านมูลค่า 1 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568 และคาดว่ามูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้าน (เฉพาะบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ) ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาทในปีหน้า
สำหรับแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี 2568 โดยรวมสัญญาณค่อนข้างดีขึ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นจากนโยบายของรัฐบาล ซึ่งน่าจะมีข่าวดีจากโครงการ ซ่อม สร้าง ในเร็วๆ นี้ ส่วนกลุ่มดีมานด์บ้านหรูยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตามคาดว่าการแข่งขันด้านราคาจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากช่างรับเหมาในโครงการอสังหาริมทรัพย์หันมารับงานสร้างบ้าน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และรับก่อสร้างบ้านในราคาที่ต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้าน
“การรับสร้างบ้านในราคาที่ต่ำอาจส่งผลต่อคุณภาพงาน หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เข้าระบบภาษีมารับงาน อาจทำสัญญาที่ไม่ได้มาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งสมาคมฯ เตรียมให้สมาชิกรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น โดยเน้นที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพงานที่ดีและได้มาตรฐาน”
ปัจจุบันสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีสมาชิก 80 บริษัทจากเดิม 70 บริษัท โดยจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 10% ในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : EGCO Group ประกาศกลยุทธ์ 3 ปี ลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท เน้นพลังงานสะอาด ไม่ลงทุนเพิ่มในถ่านหิน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine