เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เผยกลยุทธ์ปี 68 ตั้งเป้ารายได้ 1.6 หมื่นล้าน โตจากปีก่อน 11% - Forbes Thailand

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เผยกลยุทธ์ปี 68 ตั้งเป้ารายได้ 1.6 หมื่นล้าน โตจากปีก่อน 11%

​เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เผย แผนธุรกิจปี 68 ชูกลยุทธ์ “กอด - Secure Core, Embrace Future” เน้นการทำงานแบบ 3 มิติ Flexible-Feeling-Focus ฝ่ากระแสเศรษฐกิจผันผวน พร้อมตั้งเป้ารายได้ 16,000 ล้านบาท โตจากปีก่อน 11%


    ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” เผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ และการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยสูงที่ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 

    ทั้งนี้ หลายสินค้าในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อยู่ในสภาวะซัพพลายล้นตลาดสวนทางกับดีมานด์ที่ลดลง ขณะที่ตลาดอาคารสำนักงานมีการแข่งขันสูงจากอาคารสำนักงานเกิดใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่เตรียมเปิดตัวในอนาคต รวมถึงคลังสินค้าให้เช่าที่เริ่มมีสัญญาณซัพพลายทะลัก หลังจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายกระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้น


    "เราวางแผนธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยในปีงบการเงิน 2568 (ต.ค. 2567-ก.ย. 2568) มีการตั้งเป้ารายได้ให้โตจากปีก่อน 11% จาก 14,566 ล้านบาท มาอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในส่วนของบ้านที่อยู่อาศัย 65% อสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม 25% และ อสังหาฯ เพื่อพาณิชยกรรมอีก 10%" ผู้บริหารเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเสริม

    สำหรับกลยุทธ์ กอด - Secure Core, Embrace Future” ซึ่งจะกอดฐานลูกค้าเดิมให้แน่น พร้อมเดินหน้าหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ผ่านการดำเนินงานใน 3 มิติ ประกอบด้วย

1. Flexible - ปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามดีมานด์ของตลาด 

2. Feeling - สร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ 

3. Focus - มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่เชี่ยวชาญ 

    อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ กอด - Secure Core, Embrace Future” ได้นำมาปรับใช้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ดังนี้

    - อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยมีแผนเปิด 6 โครงการใหม่ในกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา และขอนแก่น รวมมูลค่า 9,803 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับลักชัวรีและระดับบน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ The Grand, Grandio และแบรนด์ใหม่ Gramour พร้อมด้วยทาวน์โฮมพรีเมียม 1 โครงการในแบรนด์ใหม่ Goldina และคอนโดมิเนียมแบรนด์ KLOS อีก 1 โครงการ ขณะเดียวกัน เดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วยการจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน เจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อโครงการคอนโดมิเนียม


    - อสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม

ปัจจุบันเป็นเบอร์ 1 ของตลาดโรงงาน-คลังสินค้าให้เช่าด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.66 ล้านตร.ม. ทั้งในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ตั้งเป้าขยายพื้นที่เพิ่มอีกกว่า 150,000 ตร.ม. และสร้างอัตราการเช่ารวมของพอร์ตโฟลิโอสูงกว่า 88% ขณะเดียวกัน บริษัทจะเข้าไปร่วมพัฒนาโครงการ Industrial Township พื้นที่ 4,600 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.32 ซึ่งพร้อมเปิดตัวโครงการในเดือนก.พ. 2568


    - อสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม มีแผนดึงดูดลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในไทยจากการย้ายและขยายฐานการผลิต โดยมองว่าปีนี้จะสามารถรักษาอัตราการเช่าของพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมได้สูงกว่า 90% 

    นอกจากนี้ บริษัทได้นำ AI (Artificial Intelligence) และ Data Analytics เข้ามาใช้ในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของธุรกิจ ทั้งการออกแบบและสร้างสรรค์โครงการ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและบริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า 


    “บริษัทเชื่อมั่นว่าจะผลักดันธุรกิจเติบโตมั่นคงท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจด้วยการต่อยอดนวัตกรรมการบริการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ควบคู่กับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเให้ป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593)” ผู้บริหารของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวสรุปทิ้งท้าย


ภาพ : เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : AWC ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน สร้างโปรเจกต์ยักษ์ 'เวิ้งนครเกษม เยาวราช' เตรียมเปิดเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ปี 2572

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine