CPN ลุยเต็มเหนี่ยวทั้งแนวราบ-แนวสูง เล็งสร้างคอนโดภาคใต้-อีสาน ชิมลาง ‘นครศรีธรรมราช‘ ครั้งแรก - Forbes Thailand

CPN ลุยเต็มเหนี่ยวทั้งแนวราบ-แนวสูง เล็งสร้างคอนโดภาคใต้-อีสาน ชิมลาง ‘นครศรีธรรมราช‘ ครั้งแรก

เซ็นทรัลพัฒนาเตรียมลุยเต็มเหนี่ยวทั้งแนวราบแนวสูง ส่วนคอนโดมิเนียมเล็งพัฒนาภาคใต้-อีสานในครึ่งปีหลังราว 1,600 ห้อง เล็งเพิ่มพอร์ตอีกที่ภูเก็ต-หาดใหญ่-อุบลฯ และขอชิมลาง ‘นครศรีธรรมราช’ ครั้งแรก พร้อมเปิดพรีเซลโครงการใหม่ที่บางนา ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 20% เป็น 7,000 ล้านบาทปีนี้


    วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงทั้งหมด 10 โครงการในปี 2567 รวมมูลค่าโครงการรวม 13,430 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาเปิดตัวไปทั้งสิ้น 8 โครงการ

    โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวทั้งหมดในปีนี้ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และแนวสูง 7 โครงการ ซึ่งทำให้จำนวนโครงการที่อยู่อาศัยของซีพีเอ็นในสิ้นปีนี้มีทั้งหมด 43 แห่ง รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาท ครอบคลุม 20 จังหวัด


    สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงภายใต้แบรนด์คอนโด ESCENT ได้เปิดตัวไปแล้ว 2 แห่ง คือ ที่ นครสวรรค์และนครปฐมในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งปิดการขายไปทั้ง 2 โครงการเรียบร้อยแล้ว และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดตัวคอนโด ESCENT อีกหลายๆ ทำเลในภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และการเปิดเฟสสองเพิ่มที่หาดใหญ่ และอุบลราชธานีด้วย

    โดยคอนโดมิเนียมทั้ง 4 แห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างปีหน้า มีจำนวนชั้นตั้งแต่ 16-33 ชั้น รวมประมาณ 1,600 ห้อง แต่ละโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ขึ้นกับจำนวนชั้น

โครงการ ESCENT Bangna


    ส่วนโครงการ ESCENT Bangna ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และ First Jobber ด้วยคอนเซ็ปต์ Urban Integration เริ่มเปิดตัวพรีเซลล์เดือนนี้ ทั้งนี้ ESCENT Bangna ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพเติบโตสูง เชื่อมต่อการใช้ชีวิตใกล้กับโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล บางนา” ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลาง Co-Activity Space และพื้นที่ใช้งานที่จัดสรรลงตัวทุกตารางเมตร

    สำหรับโครงการแนวราบในปีนี้กำลังจะเปิดตัว “บ้านนิรดา” เอกชัย-วงแหวน บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ ระดับ Luxury Class เชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย ดีไซน์หรู ฟังก์ชันรองรับครบทุกการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่นๆ เปิดตัวด้วย เช่น บ้านนิรติ ศรีวารี บางนา และ บ้านนิรติ นครปฐม


    วัลยา กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจที่อยู่อาศัยมา 8 ปีแล้ว และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันธุรกิจนี้ทำรายได้ให้กับบริษัทฯ 5,900 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็นอันดับที่ 2 อีกทั้งยังทำกำไรเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง

    โดยทำให้ Ecosystem ของซีพีเอ็นสมบูรณ์แบบ สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบ 360 องศาทั้ง Shop-Eat-Work-Play-Stay และ ‘Live’ มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการอยู่อาศัย ด้วย Privilege จากองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันเป็นสังคมของ “Central Citizens” ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น

    “บ้านและคอนโดฯ เซ็นทรัลเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกบ้าน เป็น Preferred Brand ในทุกๆ ย่านและโลเคชั่นทั่วประเทศ” วัลยากล่าว และว่า ซีพีเอ็นประสบความสำเร็จในตลาดที่อยู่อาศัยแม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาในตลาดนี้เพียงไม่กี่ปีก็ตาม ทั้งนี้ไม่เพียงเพราะว่า ซีพีเอ็นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมระดับราคาต่างๆ ตั้งแต่ Super Luxury Class ไปจนถึง Affordable Class แต่ยังมอบประสบการณ์ Better Living ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่

    1) Better Home: การสร้างบ้านบนทำเลศักยภาพ ที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ พร้อมวางมาตรฐานของการอยู่อาศัยด้วยระบบ Home Automation ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น Better Safety, Better Design, Better Function & Feature

    2) Better Privilege & Convenience: ที่อยู่อาศัยของซีพีเอ็นตั้งในทำเลที่ติดหรือใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จึงสะดวกสบายในการใช้ชีวิต นอกจากนี้ Central Citizens ยังใช้สิทธิ์ที่จอดรถของลูกบ้าน, สะสมคะแนน The 1 และส่วนลดพิเศษจากแบรนด์ในเครือ เป็นต้น

    3) Better Experience & Services: การใช้ชีวิตในสังคมคุณภาพ ที่สะดวกสบาย และครบวงจร รวมถึงบริการหลังการขาย และกิจกรรมที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือกว่าและไม่เหมือนใคร


    ด้าน กรี เดชชัย CPN’s president, residential business กล่าวว่า ธุรกิจที่อยู่อาศัยของซีพีเอ็นในครึ่งปีแรกทำรายได้ใกล้เคียง 3,500 ล้านบาท และจะถึง 7,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็น รายได้จากที่อยู่อาศัยแนวราบ 35% และ 65% มาจากแนวสูง


    “เราเข้ามาในตลาดที่อยู่อาศัย 8 ปี รายได้เราเพิ่มจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ แต่เรายังสามารถเติบโตและลงทุนด้วย cash flow ของตัวเองได้ ทั้งหมดนี้ตอกย้ำความสำเร็จของเรา ลูกค้าเราโดยเฉพาะในต่างจังหวัดเป็นคหบดีในจังหวัดและจังหวัดรอบๆ และโอนเงินสดถึง 60% ส่วนใหญ่ซื้อโครงการของเราเพื่อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อใช้ชีวิตในวันหยุด นอกจากทำเลติดห้างเซ็นทรัลและค้าปลีกในเครือแล้ว ในอนาคตเป็นไปได้ที่เราจะขยายโครงการเข้าไปยังแนวมหาวิทยาลัยด้วย” กรี กล่าว

    ส่วนข้อถามเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลที่ขยายการถือครองคอนโดฯ จาก 49% เป็น 75% นั้นทางบริษัทยินดีปฏิบัติตามกฏระเบียบและนโยบาย อย่างไรก็ตาม ซีพีเอ็นเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยให้คนไทยเป็นหลัก มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพียง 20% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในบางทำเล เช่น ภูเก็ต จำนวนผู้พักอาศัยต่างชาติอาจจะถึง 35% เพราะเจ้าของโครงการคนไทยเป็นคนปล่อยเช่า

    “การเพิ่มขึ้นของค่าแรง เราต้องวางแผนและรับมือ วางตำแหน่งสินค้าและกำหนดกลยุทธ์ให้ชัดเจน รวมทั้งศึกษาโครงการอย่างรอบคอบและลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาคุณภาพ เป็นความท้าทายของเรามากที่สุด การพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพ บนทำเลที่ดี ส่งมอบตรงเวลา จะเป็น track record สำคัญของเราในอนาคต” วัลยากล่าวทิ้งท้าย



​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ttb analytics แนะรัฐ คิดให้ดี! กรณีขยายให้ต่างชาติซื้อคอนโดฯ 75% เสี่ยงทำราคาคอนโดพุ่ง คนไทยยุคต่อไปซื้อไม่ได้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine