บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ทุ่มงบ 6,200 ล้านบาท เปิดตัวแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ห้าง “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” พร้อมรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นรวมถึงเหล่าบรรดาขาช้อปย่านราชพฤกษ์และฝั่งธน คาดหลังห้างเปิดราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้น 50-60%
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยว่า การเปิดโครงการห้างใหม่อย่าง เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างย่านใหม่ ที่เราดึง District Identity ช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์และคาแรคเตอร์ของย่านรวมถึงศักยภาพของโลเคชั่นให้โดดเด่นออกมา อีกทั้งยังช่วยยกระดับย่านและช่วยสร้างกรอบของระบบผังเมืองให้ชัดเจนมากขึ้นเหมือนเมืองใหญ่ๆ ระดับโลก
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่านับจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อศูนย์การค้าเซ็นทรัลไปเปิดในพื้นที่ไหน มูลค่าที่ดินในย่ายดังกล่าวก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตามไปด้วย จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าหลังจากเปิดตัวห้างเซ็นทรัล เวสต์วิลล์แล้วในวันนี้ (29 พ.ย. 2566) ราคาที่ดินในบริเวณใกล้เคียงก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 50-60%
“เรามองว่า กรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่ CBD อีกต่อไป แต่เรากำลังขยายความเป็นเมืองออกไปโดยรอบด้วยกลยุทธ์ Strategic Rings ทั้งการสร้างย่านกรุงเทพฯ ตะวันออกด้วย เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, และการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจในพื้นที่จ.นนทบุรีให้ครบทุกทิศ โดยมีทั้งห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ และล่าสุดกับ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์
นอกจากนี้ ในส่วนของ Outer Ring อย่างที่นครปฐม ก็มี เซ็นทรัล ศาลายา ซึ่งทาง CPN ยังเเตรียมเปิดห้างเซ็นทรัล นครปฐมในปีหน้า ขณะที่สมุทรสาครมีเซ็นทรัล มหาชัย และ สมุทรปราการมีโครงการลักชูรีเอาท์เล็ต เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นต้น” ดร.ณัฐกิตติ์กล่าวเสริม
ทั้งนี้ หากมองย้อนไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จ.นนทบุรี ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านคน ซึ่งในส่วนของย่านราชพฤกษ์นั้นมีความเจริญเติบโตของเมืองสูง ทั้งจาก Infrastructure, Residential Projects และไลฟ์สไตล์ของคนในย่านเทียบเท่ากับ CBD โดยเป็นโซนที่เชื่อมต่อเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ตั้งแต่สาทร เพชรเกษม บรมราชชนนี ยาวไปจนถึงนนทบุรี และปทุมธานี นี่จึงเป็นที่มาของการปักธงเปิดแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ห้างใหม่ในย่านราชพฤกษ์นี้ ได้ใช้ 3 เทรนด์หลักได้แก่ 1. Mindfulness 2. Health Consciousness และ 3. Sustainability เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวและคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังรองรับกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงที่ดูแลเสมือนสมาชิกในครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยแนวทางดังกล่าวคาดว่าจะรองรับทราฟฟิกกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้จำนวน 30,000 คนต่อวัน และยังถือเป็นศูนย์การค้าต้นแบบ Semi-outdoor Model และ Low Carbon Mall โดยโซน Semi-outdoor จะมีสัดส่วนราว 30% ของพื้นที่ทั้งหมดเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานและลดคาร์บอนออกมาสู่ประเทศ อีกทั้งโครงการแห่งนี้ยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 50% จากโครงการปกติ มีพื้นที่สีเขียว 75% ของพื้นที่เปิดโล่ง และยังใช้วัสดุรีไซเคิลถึง 35%
ไฮไลต์เด่นของห้างที่เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกเจเนอเรชั่น
- Rope course ใหญ่ที่สุดในไทย
- Kiztopia สนามเด็กเล่นเพื่อการเรียนรู้และความบันเทิงใหม่ล่าสุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดจากสิงคโปร์
- แหล่งรวม 80 ร้านอาหารแบรนด์ดัง ถือเป็น Food Destination ดีที่สุดในย่าน
- มีร้านกาแฟสเปเชียลตี้ Nana Coffee Roasters แห่งเดียวที่เปิดตั้งแต่เช้าเวลา 07.00 น.
- Pet Frindly สามารถพาสัตว์เลี้ยงสี่ขาเข้ามาในห้างได้
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิด “4 พฤติกรรมช้อปส่งท้ายปี” ชี้ผู้บริโภคใช้จ่ายสูงกว่าปกติ 30%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine