หากพูดถึง ‘ตระกูลโสภณพนิช’ แน่นอนว่าธุรกิจที่ทุกคนนึกถึงต้องเป็น “ธนาคารกรุงเทพ” รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ในหมวดประกันอย่าง “กรุงเทพประกันชีวิต” และ “กรุงเทพประกันภัย” อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ตระกูลโสภณพนิชนั้นมีอีกหนึ่งธุรกิจอย่างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง “ซิตี้ เรียลตี้” ที่แม้จะอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยเปิดตัวมากนัก แต่เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังโครงการสำคัญระดับท็อปกลางเมือง ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ไม่ว่าจะเป็น เอ็มดิสทริค (EmDistrict), เรสซิเดนซ์ไฮเอนด์อย่าง ชาเทรียม สาทร (Chatrium Sathorn) และ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) เป็นต้น
ซิตี้ เรียลตี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ภายใต้การถือหุ้นหลักโดยตระกูลโสภณพนิช และมี ‘ชาลี โสภณพนิช’ เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการนำเสนอโครงการคุณภาพ ที่ยกระดับมาตรฐานวงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
ภายใต้การนำของชาลี ซิตี้ เรียลตี้ ได้พัฒนาโครงการระดับพรีเมียมทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดระยะเวลากว่า 35 ปี โดยบริษัทมีมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้น (shareholders’ equity) ราว 40,000 ล้านบาท ความสำเร็จของบริษัทเกิดจากการผสานนวัตกรรมเข้ากับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรระดับโลก เช่น เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในโครงการเอ็มดิสทริค และ ESR ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และโลจิสติกส์
นอกจากนี้ การลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะความร่วมมือกับ ESR ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และโลจิสติกส์ ซึ่งได้ร่วมลงทุนแล้วกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 16,800 ล้านบาท) ในช่วงสองปีที่ผ่านมา จากเป้าหมายการลงทุนที่ตั้งไว้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 33,600 ล้านบาท) และด้วยแรงหนุนจากภาวะตลาด การร่วมทุนนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มงบลงทุนในอนาคต
เส้นทางของ ซิตี้ เรียลตี้ เรียกว่าได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ในการพัฒนาเมกะโปรเจกต์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทบอกว่าการพัฒนาโดยหลักจะยึดจากค่านิยมหลักของบริษัท โดยมีกระบวนการคัดเลือกทำเลอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูง ครบครันด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อที่ดี ประกอบกับแนวทางการลงทุนระยะยาว ที่มุ่งสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสามารถส่งต่อคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน
ถามว่าซิตี้ เรียลตี้ อยู่เบื้องหลังโครงการไหนบ้าง ลองไปดูกัน
เอ็มดิสทริค : นิยามใหม่ของความหรูหราและนวัตกรรม
เอ็มดิสทริค โครงการขนาดใหญ่บนถนนสุขุมวิทแห่งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาเมืองแบบบูรณาการ โดย ‘เอ็มโพเรียม’ ถือเป็นหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกๆ ของประเทศไทย และเป็นโครงการแรกที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งแสดงถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ให้ความสำคัญของระบบขนส่งมวลชนตั้งแต่ต้น
เอ็มดิสทริคได้พลิกโฉมย่านพร้อมพงษ์ โดยผสานรูปแบบการพักอาศัยแบบลักชัวรี่ ช็อปปิ้งรีเทลระดับโลก และประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็น เอ็มโพเรียม (Emporium), เอ็มควอเทียร์ (EmQuartier), เอ็มสเฟียร์ (Emsphere) และ เอ็มโพเรียม สวีท บาย ชาเทรียม (Emporium Suites by Chatrium) ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำด้านการช็อปปิ้ง ธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพฯ
เอ็มดิสทริค เกิดจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ดำเนินมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยพื้นที่รวมกว่า 650,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่รีเทลประมาณ 225,000 ตารางเมตร มูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมมูลค่าของโรงแรมและอาคารสำนักงาน ซึ่งจะผลักดันมูลค่าโครงการโดยรวมให้สูงยิ่งขึ้นอีก
ด้านเอ็มสเฟียร์ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน มีลูกค้าเฉลี่ยถึงวันละ 150,000 ถึง 200,000 คน ภายในเดือนแรก ทำให้เอ็มดิสทริคกลายเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริง ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพของซิตี้ เรียลตี้ ในการสร้างพันธมิตรเชิงวิสัยทัศน์ที่เติบโตไปพร้อมกันในระยะยาว
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา: มรดกแห่งการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำอย่างยั่งยืน
ในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โครงการสำคัญในพื้นที่นี้ ได้แก่ ชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ (Chatrium Riverside) โรงแรมที่พักอาศัยระดับห้าดาวริมแม่น้ำที่มาพร้อมพื้นที่รีเทล และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์แคมปัส (Shrewsbury International School Bangkok Riverside) ซึ่งรองรับนักเรียนได้ถึง 2,330 คน
โครงการเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนิยามใหม่ของพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสร้างมรดกอันยั่งยืนที่จะกำหนดอนาคตของเมืองต่อไป นอกจากนี้ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีเพิ่งฉลองครบรอบ 20 ปีเมื่อไม่นานนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปูทางให้กรุงเทพฯ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในจุดหมายด้านการศึกษานานาชาติของโลก ปัจจุบันโรงเรียนยังคงเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรเพื่อตอบรับความต้องการในอนาคต และได้เปิดหลักสูตรสองภาษา จีน-อังกฤษ (Chinese Hanqing Bilingual Pathway) ที่ซิตี้แคมปัสใจกลางเมือง
การเติบโตของพื้นที่ย่านริมแม่น้ำ ยังสะท้อนผ่านมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากราคาที่ดินเฉลี่ยราว 80,000 บาทต่อตารางวาก่อนการพัฒนาโครงการเหล่านี้ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อตารางวา หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,400% ตอกย้ำศักยภาพของทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งและความนิยมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สาทร: ศูนย์กลางธุรกิจ ที่อยู่อาศัย และการศึกษา
ย่านสาทร สะท้อนแนวคิดการพัฒนาเมืองให้เป็นอีโคซิสเต็มอย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยผสานพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียม โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ และสถาบันการศึกษาชั้นนำเข้าด้วยกัน ด้วยทำเลที่เชื่อมต่อสะดวกทั้งด้านการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ย่านนี้จึงตอบโจทย์ทั้งคนทำงาน ครอบครัว และธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างสมดุลทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว
โครงการสำคัญของซิตี้ เรียลตี้ ในย่านนี้ ได้แก่ เอเชีย เซ็นเตอร์ (Asia Centre) อาคารสำนักงานเกรด A สาทร ซิตี้ ทาวเวอร์ (Sathorn City Tower) อาคารสำนักงานระดับพรีเมียมใจกลางสาทรใต้
ชาเทรียม เรสซิเดนซ์ สาทร (Chatrium Residences Sathorn) หนึ่งในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ บางกอก การ์เด้น เรสซิเดนซ์ (Bangkok Garden) อีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่เปรียบเป็นโอเอซิสใจกลางเมือง รวมถึง โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ (Aster International School Bangkok) ที่เปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2565
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ย่านสาทรได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยก่อนที่ซิตี้ เรียลตี้ จะเข้ามาพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ ในย่านสาทรเมื่อกว่า 35 ปีก่อน ราคาที่ดินเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาทต่อตารางวา แต่ในปัจจุบันราคาที่ดินพุ่งขึ้นไปถึงราว 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นกว่า 1,875% สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นและศักยภาพของพื้นที่ในระยะยาว
ผนึกกำลังยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ฮ่องกง รุกตลาดที่อยู่อาศัยอัลตร้าลักชัวรี
จากวิสัยทัศน์ของชาลี ผู้นำที่มองการณ์ไกลอยู่เสมอ ซิตี้ เรียลตี้ ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับ "สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์" ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำในเอเชียแปซิฟิกซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2515 และเป็นส่วนหนึ่งของ “สไวร์ กรุ๊ป” ที่มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ทั้งยังเป็นเจ้าของโปรเจกต์ระดับตำนานทั่วโลก
ล่าสุดได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุน "ซิตี้ ไดนามิค" โดยการตัดสินใจจับมือกับสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ในครั้งนี้ จะเป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมารวมกัน เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรีในไทย
ทั้งนี้ ซิตี้ ไดนามิค เตรียมพลิกโฉมตลาดที่อยู่อาศัยและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อัลตร้าลักชัวรี่ ด้วยโครงการแรกบนที่ดินฟรีโฮลด์หายากขนาด 8 ไร่ บนถนนวิทยุ ใจกลางกรุงเทพฯ โครงการนี้จะประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย 2 อาคาร ที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก และวิวสีเขียวของสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ
และเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซิตี้ เรียลตี้ และ สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ จัดพิธีเปิดหน้าดินปฐมฤกษ์เริ่มก่อสร้างโครงการดังกล่าว นับเป็นหมุดหมายสำคัญหลังจากได้รับอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2568 เพื่อเริ่มต้นงานก่อสร้าง
ชาลี กล่าวว่า “พิธีในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางความร่วมมือกับสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ที่นำความเชี่ยวชาญระดับเวิลด์คลาสในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย มาผสานเข้ากับความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยของซิตี้ เรียลตี้ โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์ที่เหลือเพียงไม่กี่แห่งบนถนนวิทยุ โครงการนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้การอยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรีใจกลางกรุงเทพฯ”
ด้าน ทิม แบล็คเบิร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด เสริมว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ครั้งแรกของเรา ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการระดับโลก ผนวกกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในครั้งนี้ เราจะร่วมนำวิสัยทัศน์อันกว้างไกลมาร่วมสร้างที่อยู่อาศัยระดับแลนด์มาร์กที่จะยกระดับกรุงเทพฯ สู่เมืองชั้นนำในตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูระดับโลก"
ภาพ: ซิตี้ เรียลตี้
ออกแบบภาพปก: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : รู้จัก Swire Properties ยักษ์อสังหาฮ่องกง ก่อนยลโฉมโครงการในไทยที่ผนึกกับกลุ่ม ‘โสภณพนิช’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine