CCP เปิดแผนธุรกิจปี 2567 ชูกลยุทธ์นวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปหลากหลายรูปแบบ มาตรฐานสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการเทรนด์ Green Construction เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน พร้อมมุ่งมั่นดำเนินกิจการตามหลัก ESG สู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร สร้างความได้เปรียบการแข่งขัน เพิ่มความสามารถทำกำไร เดินหน้าประมูลงานรัฐ-เอกชนทั่วประเทศเพิ่ม ตั้งเป้ารายได้เติบโต 3,300 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5%
อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) นวัตกรรมใหม่ ให้มีความหลากหลาย รองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและงาน Landscape ทั่วประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาตรฐานระดับสากล พร้อมใช้งาน ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง รองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูง ความผันผวนของต้นทุน อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมตามเทรนด์ Green Construction

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการดำเนินกิจการตามหลัก ESG สู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรอย่างแท้จริง ส่งผลให้สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ CCP วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 3,300 ล้านบาทและ รักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5% ซึ่งบริษัทมีแผนเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชน จากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มในอนาคต อาทิ งานทางหลวงชนบท งานกรมทางหลวง งานนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนมูลค่า 90 ล้านบาท สำหรับเครื่องจักรใหม่ และปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ลดแรงงาน เป็นการจัดสรรทรัพยากร ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร เพื่อเพิ่มความสามารถทำกำไร
“ปัจจัยสนับสนุนช่วงต่อจากนี้ จะมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่จะเริ่มมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาคเอกชน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย กลุ่มอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม ทำให้มีแนวโน้มที่ปริมาณงานที่รอดำเนินการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปในภาคก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนขยายตัวตาม” อาทิตย์ กล่าว
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จับตาเทรนด์ที่อยู่อาศัยวัยเก๋า สูงวัย 48% มีเงินพร้อมซื้อบ้านใหม่ ‘เชียงใหม่’ ครองใจเมืองที่คนอยากไปใช้ชีวิตหลังเกษียณ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine