“AWC” ลุย 3 โครงการใหญ่ รีโพสิชันนิ่ง “รีเทล-ออฟฟิศ-โรงแรม” - Forbes Thailand

“AWC” ลุย 3 โครงการใหญ่ รีโพสิชันนิ่ง “รีเทล-ออฟฟิศ-โรงแรม”

ความหวังในการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจอื่นๆ กำลังจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากขึ้น หลายธุรกิจเริ่มขยับแผนรองรับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-11 ตุลาคม) บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ด้วยพอร์ตทรัพย์สินกว่า 1.3 แสนล้านบาท

ได้จัดงานครบรอบ 2 ปีในการนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยรูปแบบการให้สัมภาษณ์ออนไลน์พร้อมกระจายสื่อมวลชนกว่า 50 คนเข้าพักในโรงแรมต่างๆ ของ แอสเสท เวิรด์ฯ ในกิจกรรมพิเศษที่เรียกว่า AWC Infinite 2Gether 2nd Anniversary Building A Better Future เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่การเข้าพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ด้วยวัตถุประสงค์ที่เรียกว่า work cation การเข้าพักและทำงานแบบออนไลน์ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ ที่ตื่นตัวมาจากยุคสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด -19 และเป็นเทรนด์การทำตลาดในธุรกิจโรงแรม ที่คาดว่าจะมีต่อเนื่องไปอีกระยะตราบเท่าที่สถานการณ์แพร่ระบาดยังไม่ยุติ วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ฯ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์แบบ Virtual Event ขณะที่โรงแรมระดับ 5 ดาว 4 แห่งใจกลางกรุงเทพฯ เป็นที่พักและทดลองใช้ work cation ของสื่อต่างๆ ที่สามารถเลือกได้ตามความสะดวก โดยผู้บริหารแอสเสท เวิรด์ฯ เปิด Virtual Event ให้สัมภาษณ์พร้อมกันราว 1 ชั่วโมง ในการกล่าวถึงวิชั่นการพัฒนาธุรกิจหลังครบ 2 ปีในการนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบอกว่าเป็น 2 ปีที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบโควิด-19 แต่ แอสเสท เวิรด์ฯ  ยังคงเดินหน้าขยายธุกิจตามเป้าหมาย พร้อมปรับการบริหารองค์กรให้อยู่ได้ท่ามกลางวิกฤติ ด้วยมาตรการปรับตัวหลายอย่าง นอกจากปรับตัวในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรง วัลลภา ยังมองถึงการปรับตัวธุรกิจในอนาคตซึ่งเกิดเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปจากผลกระทบการแพร่ระบาด ทำให้ แอสเสท เวิรด์ฯ มองว่าต้องทำการ รีโพสิชั่นนิ่งธุรกิจในกลุ่มทั้งหมด เพื่อรองรับพฤติกรรมใหม่ของตลาด ทั้งในส่วนศูนยการค้าต่างๆ ที่มีอยู่ 8 ศูนย์ และโรงแรมต่างๆ ที่เปิดดำเนินการอยู่ 18 แห่ง 4,941 ห้องพัก ซึ่งข้อมูลอัพเดท ณ 30 มิถุนายน 2564 มีอัตราการเข้าพักร้อยละ 75 โดยได้ปรับกลยุทธ์ให้รองรับนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น และใช้จุดขายเป็นที่พักช่วงพิเศษเช่น stay cation และ work cation เปิดให้แขกเข้าพักเพื่อกิจกรรมการทำงานและพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ นอกจากนี้ยังเตรียมปรับตัวรองรับตลาดนักท่องเที่ยวแบบ long Stay ปรับปรุงห้องพักให้เหมาะสมกับการพักอาศัยนานกว่า 1-2 เดือนขึ้นไป ด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น นับเป็นอีกส่วนของการขยายตลาดรองรับความต้องการใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ส่วนรีเทล หรือศูนย์การค้าที่ 8 แห่งก็มีการปรับตัว ให้มีบริการที่ตอบโจทย์แนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น ให้คนเข้ามาใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ ที่มากกว่าการช้อปปิ้ง ทั้งนี้อาจเพิ่มในส่วนร้านอาหาร หรือพื้นที่กิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งศูนย์การค้ามีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 9 โครงการด้วยกัน ในจำนวนนี้มีโครงการขนาดใหญ่ 3 แห่ง ที่กำลังเตรียมพัฒนา ได้แก่ เอเชียทีคเฟส 2 ซึ่งจะมีทั้งศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน และโรงแรมเชนดัง โครงการพัฒนาที่ดินเวิ้งนครเขษม และโครงการอควาทีค บาย เดอะ บีช พัทยา นอกจากนี้ในธุรกิจด้านศูนยการค้า ยังมีศูนย์ค้าส่งที่ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ซึ่งเป็นโครงการแฟล็กชิพของ AEC TRADE CENTER ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งแบบวันสต็อป ครบวงจร ใจกลางกรุงเทพฯ ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เป็นแห่งแรกของไทยบนพืนที่ 30,000 ตารงเมตร จำนวน 400 รานค้า และสินค้ามากกว่า 50,000 รายการ สำหรับอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่เช่ากว่า 2.7 แสนตารางเมตรา จาก 4 อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ จะมีการปรับให้ตอบโจทย์การใช้สอยที่เปลี่ยนไป และจะเพิ่มไลฟ์สไตล์เข้าไปในอาคารเหล่านี้มากขึ้น เพื่อให้เป็นอาคารสำนักงานที่ทันสมัย และตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ที่เปลี่ยนพฤติกรรมไปหลังผ่านเหตุการณ์แพร่ระบาดมาตลอด 2 ปี

ปรับกลยุทธ์เติบโตอย่างสมดุล

ทั้งหมดนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทได้รวมโครงการคุณภาพทั้งหมดท นำมาวางกลยุทธ์สมดุลย์ในการจัดพอร์ทโฟลิโอ ซึ่งมีทรัพย์สินในหลายเซ็กเตอร์ และกลยุทธ์ที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ แอสเสท เวิรด์ฯ ก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและรวมพลังผู้บริหาร พนักงาน ขับเคลื่อนองค์กรรักษาความแข็งแกร่งให้พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แอสเสท เวิรด์ฯ ยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะยาวและเตรียมกลยุทธ์การเป็น OMNI-Integrated Lifestyle Real Estate ที่รวมความหลากหลายของประเภทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และสร้างคุณค่ารูปแบบใหม่ที่มุ่งตอบโจทย์และเสริมรูปแบบการใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัด วัลลภา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดด้านผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจในเครือให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ซึ่งเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ “Building a Better Future” ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนองค์กรจากภายในสู่คุณค่าองค์รวมให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกฝ่าย ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน ชุมชน สังคมองค์รวม และประเทศไทย ทั้งนี้ สิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จใน 2 ส่วนในวันครบรอบ 2 ปีของ แอสเสท เวิรด์ฯ ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งถือเป็นก้าวแรกของ แอสเสท เวิรด์ฯ ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาสร้างคุณค่า โดยเฉพาะในปี 2564 นี้ มีการพิจารณาถึงการมีแนวทางบริหารจัดการภาวะวิกฤต ที่ครอบคลุมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด พิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) เพื่อปรับตัวและตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต รวมทั้งมีความตั้งใจในการตอบแทนคุณค่าในระยะยาว แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งผลทำให้ AWC จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นับเป็นการส่งเสริมความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social and Governance)

พัฒนาใหม่ 18 โครงการ

สำหรับทิศทางธุรกิจของ AWC จากนี้ บริษัทยังเดินหน้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมถึงโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed and Merged) ที่ไม่ได้มีการแยกโรงแรม ค้าปลีก หรือตึกสำนักงาน ออฟฟิศอย่างชัดเจน ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน AWC Connext ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายและใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดผ่านโปรแกรม AWC Infinite Lifestyle ที่สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์การใช้บริการของอสังหาริมทรัพย์ทุกแห่งของ AWC ไว้เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของแอสเสท เวิรด์ฯ มีครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย โรงแรม 18 แห่ง, รีเทล 8 แห่ง, อาคารสำนักงาน 4 แห่ง, ค้าส่ง 2 แห่ง รวม 32 แห่ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 18 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในพอร์ตโพลิโอของบริษัทจะมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์รวม 50 แห่งในหลากหลายทำเลสำคัญของประเทศ ในอีก 5 ปีข้างหน้า แอสเสท เวิรด์ฯ ยังมีอีก 3 โปรเจคแลนด์มาร์ค ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โครงการแรก ASIATIQUE THE RIVERFRONT DESTINATION ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กระดับไอคอน (Iconic Landmark) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม ประกอบด้วย โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ รวมถึง ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนส์ ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนส์ โดยมีแผนเปิดให้บริการเริ่มจากเปิดโซนค้าปลีกและสำนักงานในปี 2567 โครงการที่ 2 AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วยแหล่งชอปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมหรู 5 แบรนด์ และแบรนเด็ด เรสซิเดนส์อีก 2 แบรนด์ และพื้นที่ค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับ Wellness ซึ่งตอบโจทย์การส่งเสริมให้พัทยาเป็นจุดหมายปลายทางของชายหาดยอดนิยม (Beachfront destination) ระดับโลก โครงการที่ 3 เวิ้งนครเขษม ซึ่งพัฒนาให้เป็นโครงการพิเศษแบบ Mixed Development ทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย และค้าปลีกด้วยการลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท โดยดึงเสน่ห์และอนุรักษ์ความเป็นไชน่า ทาวน์ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เส้นทางมรดก มรดกทางประวัติศาสตร์ และถนนแห่งความบันเทิง อ่านเพิ่มเติม: ซิตี้แบงก์ เผยอนาคต “ห่วงโซ่ธุรกิจ” ในเอเชียแปซิฟิก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine