4 เทรนด์ออฟฟิศ รับสถานการณ์ New Normal - Forbes Thailand

4 เทรนด์ออฟฟิศ รับสถานการณ์ New Normal

FORBES THAILAND / ADMIN
01 Dec 2020 | 11:10 AM
READ 1542

"เทรนด์ออฟฟิศ" รูปแบบใหม่นับจากนี้กำลังก้าวเข้าสู่ความปกติใหม่ (New Normal) ที่ต่อไปอาจจะไม่ต้องเดินทางเข้าไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน แต่ทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ได้มากขึ้น ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาการประชุมหรือติดต่อทางธุรกิจ มีเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันโปรแกรมการประชุมออนไลน์ เข้ามาอำนวยความสะดวกมากมาย

ล่าสุด เทรนด์ออฟฟิศ ได้มีการเปิดเผยรายงานวิจัยภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ของ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ชี้ชัดถึงเทรนด์ความนิยมการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยหากนับจำนวนและพื้นที่ของบรรดาดีเวลอปเปอร์ที่จะพัฒนาออกมาภายในปี 2566 กรุงเทพฯ จะมีพื้นที่อาคารสำนักงานเกิดใหม่กว่า 18 อาคาร รวมพื้นที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 7.82 แสนตารางเมตร โดยภายในสิ้นปี 2563 จะมีอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 9 อาคาร และมีพื้นที่เพิ่มอีก 2.62 แสนตารางเมตร ส่วนข้อมูลจาก บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์อีกราย ระบุว่า ในสิ้นปี 2562 พื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มีทั้งสิ้นประมาณ 9 ล้านตารางเมตร โดยแบ่งเป็นอาคารเกรด A และ B จำนวน 6.08 ล้านตารางเมตร และคาดการณ์ว่า จะมีซัพพลายใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 1.78 ล้านตารางเมตรในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้จะมีพื้นที่รวมกว่า 10.78 ล้านตารางเมตรเลยทีเดียว   เทรนด์ออฟฟิศ Green Building ลดการใช้พลังาน เทรนด์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก และยังจำากัดอยู่เฉพาะอาคารที่มีการก่อสร้างใหม่ คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการบริโภคหรือการปลูกพืชผักกินได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณดาดฟ้าของอาคาร หรือไม่ก็เป็นสวนบริเวณรอบอาคาร โดยผลผลิตที่ได้จะนำมาให้พนักงานบริโภคหรือจำหน่ายในราคาถูก ซึ่งแนวทางดังกล่าวยังเข้าหลักเกณฑ์การจัดอาคารเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน รวมถึงการมีทางเลือกในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food Options) ยังถือเป็นแนวทางการบริหารอาคารเพื่อส่งเสริมให้เกิดสุขภาวะที่ดี (Well Being) ของพนักงานในองค์กรได้ นอกจากนี้ Green Building ยังครอบคลุมไปถึงการประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามความทันสมัยของเทคโนโลยี โดยมีการนำระบบ IoT (Internet of Things) เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการอาคาร ควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา และระบบเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งจากการออกแบบและใช้วัสดุที่ช่วยในการประหยัดพลังงานในอาคาร เทรนด์ออฟฟิศ Well Being Building สุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งาน สุขภาวะที่ดี หรือ Well Being เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นการตระหนักถึงการมีสุขภาวะเฉพาะบุคคล เห็นได้จากเทรนด์การออกกำลังกาย การวิ่ง การรับประทานอาหารคลีน หรือการเข้าโปรแกรมการดูแลสุขภาพตามโรงพยาบาล หรือสถาบันบริการทางการแพทย์ต่างๆ แต่จากสถานการณ์ COVID-19 สุขภาวะที่ดีต้องดูแลกันถึงสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่รอบตัวจึงทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวในการพัฒนาอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีมากขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาต่อไปในอนาคตเช่นเดียวกับในต่างประเทศที่ให้ความสำคัญและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน สำหรับอาคารตามมาตรฐานของการเป็นอาคารสุขภาวะที่ดี ต้องได้รับการดูแลหรือส่งเสริมประสิทธิภาพด้านต่างๆ ได้แก่ อากาศ น้ำ อาหาร แสงสว่าง การออกกำลังกาย ความสะดวกสบายและสภาพจิตใจ ซึ่งรูปแบบอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารจะต้องพัฒนาออกมารองรับและส่งเสริมสุขภาวะต่างๆ ดังกล่าวอย่างครบถ้วนในหลากหลายรูปแบบ ขณะที่ในแต่ละปีจะมีอาคารทั่วโลกที่เข้ารับการประเมินกว่า 500 อาคาร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากอัตราการเติบโตมาตรฐานที่ 80-100% ต่อปี โดย Well Being Building ถือเป็นเทรนด์แห่งอนาคตที่จะยิ่งมีความสำคัญต่ออาคารต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ COVID-19 ที่ทุกคนล้วนแต่ให้ความสำคัญต่อเรื่องสุขอนามัย ซึ่งในปัจจุบัน อาคารที่ได้รับมาตรฐาน Fitwel รายแรกในเอเชีย และมาตรฐาน Fitwel V2.1 ระดับ 3 แห่งแรกของโลกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย   เทรนด์ออฟฟิศ Flexible Space ลดเพิ่มพื้นที่ตามต้องการ สำหรับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในอนาคต คืออาคารสำนักงานจะมีความยืดหยุ่นสูง (Flexible Space) โดยสถานที่ทำงานจะเปลี่ยนไปตามลักษณะของกิจกรรมการทำงาน (Activity-based Workplace) เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้งานหรือรูปแบบการใช้งาน ซึ่งเจ้าของอาคารจะต้องมีการวางแผนและการออกแบบพื้นที่เช่าให้มีความยืดหยุ่นกับความต้องการของผู้เช่าด้วย เพราะเชื่อว่า ในอนาคตผู้เช่าอาจจะต้องปรับเปลี่ยนความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานอยู่ตลอดเวลา   เทรนด์ออฟฟิศ Smart Building อาคารอัจฉริยะด้วย IoT เทคโนโลยีเพื่ออาคารอัจฉริยะ (Smart Building) ด้วยอุปกรณ์อินเทอร์เน็ต หรือ IoT โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบปรับอากาศ และระบบระบายอากาศ ซึ่งจะคำนึงถึง 2 เรื่องหลัก ได้แก่ การประหยัดพลังงาน และการฆ่าเชื้อโรคในอากาศ เพื่อทำให้อากาศบริสุทธิ์ และปราศจากเชื้อโรค หรือฝุ่น PM 2.5 ระบบการจองและการใช้พื้นที่ส่วนกลางล่วงหน้า (Advance Booking) สำหรับอาคารสำนักงานในอนาคตที่มีพื้นที่ส่วนกลางไว้ให้กับผู้เช่า ซึ่งจะมีการนำระบบการจองล่วงหน้ามาใช้ เพื่อลดปริมาณผู้ใช้ให้เหมาะสมกับสถานที่ตามมาตรฐานการเว้นระยะห่างทางสังคม เทคโนโลยีด้านสุขอนามัยจะได้รับการนำมาติดตั้งเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบระบายอากาศ และฟอกอากาศภายในอาคาร เทคโนโลยี Touchless ลดการสัมผัสการใช้อุปกรณ์ หรือการสัมผัสระหว่างบุคคล โดยใช้แอปพลิเคชันเข้ามาเป็นตัวช่วยผ่านสมาร์ทโฟน เรื่อง: ธนาธิป ประสพสุข  
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจจากผู้บริหารระดับสูงได้ที่นิตยสาร ForbesLife Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine