"เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม" เผย 4 กลยุทธ์ รุกสร้างความมั่นใจลูกค้า - Forbes Thailand

"เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม" เผย 4 กลยุทธ์ รุกสร้างความมั่นใจลูกค้า

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Feb 2022 | 12:55 PM
READ 3101

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) เดินเกมรุกตลาดแนวราบ ก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ส่งโครงการบ้านเดี่ยวแบบใหม่ “แกรนดิโอ” ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เน้นเจาะกลุ่ม City Home ปักธงทำเลใจกลางเมือง เปิดโครงการใหม่ 25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 29,500 ล้านบาท

แสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นอีกปีที่ท้าทาย ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในหลายเซกเตอร์ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ต้องหยุดชะงัก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อจีดีพีของประเทศไทย รวมถึงอีกหลายกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้สัดส่วนภาระหนี้สินครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมายังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อ ตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าเดิม หากสำรวจความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยกลับพบว่า คนยังต้องการบ้าน โดยเฉพาะบ้านแนวราบทั้งทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว จากความท้าทายของปัจจัยต่างๆ ประกอบกับความต้องการที่ยังมีในตลาด ในปี 2565 บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการเพิ่มสัดส่วนเซกเมนต์บ้านเดี่ยวระดับบน ภายใต้แบรนด์ “แกรนดิโอ” (GRANDIO) และ City Home อย่างแบรนด์ “เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60” (THE GRAND Vibhavadi 60) พร้อมปรับแบบบ้านใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้ามีต้องการยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยขยายตลาดให้กระจายโครงการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากที่สุด ทั้งนี้บริษัทก็ยังคงที่จะรักษาจุดเด่นของตลาดโครงการทาวน์โฮมที่บริษัทมีอยู่ ให้เข้าถึงคนอยากมีบ้านควบคู่ไปด้วย” สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากโครงการที่เปิดขายแล้ว 62 โครงการ และมีการเปิดโครงการ 25 โครงการ มูลค่า 29,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์โฮม 10 โครงการ,นีโอ โฮม บ้านแฝด จำนวน 2โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และ โครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ
“เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60” (THE GRAND Vibhavadi 60)
โดยโครงการบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนของ City Home โครงการใหม่ใจกลางเมือง คือ โครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 (The Grand Vibhavadi 60) พร้อมเพิ่มสินค้าระดับบน Super Luxury อย่างแบรนด์ The Royal Residence จากแผนธุรกิจในปี 2565 จะเห็นว่าบริษัทได้มีการเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น และขยายเซกเมนต์ City Home ใจกลางเมือง รุกตลาดแนวราบของบริษัทมากขึ้น พร้อมนำ 4 กลยุทธ์การเติบโตพร้อมก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน กลยุทธ์แรกคือการเป็น Land Bank Development บริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องการนำที่ดินเดิมที่ซื้อไว้แล้วมาพัฒนา เพื่อลดความเสี่ยงในการที่มูลค่าของที่ดินเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จึงทำให้ได้เปรียบในเรื่องของการควบคุมต้นทุน สอง Portfolio Diversification การกระจายพอร์ตสินค้า เพิ่มแบรนด์ให้หลากหลาย โดยการปรับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ และส่วนแบ่งของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท โดยวางกลยุทธ์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ ดังนี้ บ้านเดี่ยว & City Home พัฒนาแบบบ้านเดี่ยวรุ่นใหม่ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ยกระดับการใช้ชีวิตในสังคมการอยู่อาศัย ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น บนทำเลศักยภาพสูง ทั้งแบรนด์ แกรนดิโอ ( GRANDIO) ที่ขยายทั่วมุมเมือง และ City Home อย่างแบรนด์ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 (THE GRAND Vibhavadi 60) เพิ่มสินค้าระดับบน Super Luxury อย่างแบรนด์ The Royal Residence ทาวน์โฮม รักษาตลาดทาวน์โฮม ในการเป็นผู้นำนวัตกรรมทาวน์โฮมที่มีคุณภาพ โดนเด่นด้วยฟังก์ชั่น ที่ครองใจกลุ่มลูกค้า บนทำเลศักยภาพสูง นีโอ โฮม บ้านแฝดที่เน้นสไตล์หรูหรา เทียบเท่าบ้านเดี่ยว เน้นทำเลใกล้เมือง ด้วยราคาที่จับต้องได้ ต่างจังหวัด บุกตลาดใหม่ ในจังหวัดที่มีศักยภาพ และรักษากลุ่มลูกค้าฐานจังหวัดเดิม โดยเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ใกล้จะหมด ด้วยแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และ คอนโดมิเนียม ซื้อที่ดิน และพัฒนาที่ดิน เน้นกลุ่ม Real Demand อยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก กลยุทธ์ที่สาม Quality พัฒนาและรักษามาตรฐานการก่อสร้างในทุกโครงการทั้งตัวบ้านและสาธารณูปโภค ด้วยการดูแลจากทีมงานคุณภาพ Quality Development ของบริษัท ถือเป็นการ Double Inspect และเรื่องการบริการ (Service) บริษัทสร้างความประทับใจ ในทุกระดับ พร้อมบริการเดินสาย Fiber Optic ให้ลูกบ้าน และกลยุทธ์สุดท้าย Technology พัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ HOME+ (โฮมพลัส) ที่จะชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ เหมือนมีผู้ช่วยเรื่องบ้านที่รู้ใจอยู่ใกล้ตัวตลอด 24 ชั่วโมง HOME+ แอปพลิเคชั่นที่มาสร้างสีสันในการใช้ชีวิตมากขึ้น ฟังก์ชันพิเศษสะสมคะแนน เพื่อแลกสิทธิพิเศษ ของรางวัลฟรีๆ และส่วนลดมากมาย เต็มอิ่มไปกับสาระน่ารู้ที่สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน พิเศษอีกระดับสำหรับลูกบ้านกับบริการครบวงจรและสิทธิพิเศษมากมาย สามารถใช้ได้ทั้งลูกบ้านและประชาชนทั่วไป ทางด้านนวัตกรรมรูปใหม่ของโครงการบ้านเดี่ยวนั้น  แสนผินให้ข้อมูลเพิ่มว่าว่าจะนำ FRASERS Clean and Cool Air ที่เป็นเทคโนโลยีอากาศสะอาด เย็นสดชื่น และประหยัดไฟจากประเทศญี่ปุ่น ที่เหนือกว่าระบบทั่วไป มี Filter กรองจับสิ่งแปลกปลอม และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ลดความร้อน และอากาศเสียภายในบ้าน ระบบกันขโมยแบบเดินสาย เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้นอีกระดับ คือการแจ้งเตือนที่แม่นยำ หมดปัญหาสัญญาณรบกวน ควบคุมผ่าน Application Spa & Endless Pool สระว่ายน้ำส่วนตัว ที่มาพร้อมกับระบบคลื่นว่ายน้ำทวนกระแส ออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการว่ายน้ำช้าๆ แบบทวนกระแสน้ำ เหมือนได้ว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำที่มีความยาวไม่สิ้นสุด และยังสามารถใช้กระแสน้ำนวดผ่อนคลายแบบสปาได้อีกด้วย และ EV Charger มีการจัดเตรียมระบบรองรับ EV Charger สำหรับรถยนตร์ไฟฟ้าให้ในทุกหลัง แสนผิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปัจจุบันยอดขายไม่ได้สำคัญมากนัก เพราะก็ไม่สามารถประมาณการรายได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่า คือ ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของลูกค้าในการซื้อบ้าน ที่จะทำให้บริษัทก้าวไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดในการพัฒนาบ้านให้เป็นบ้านในฝันของลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่โดดเด่นสวยหรูถูกใจ ทำเลที่มีศักยภาพสูง พร้อมฟังก์ชั่นครบคุ้มโดนใจ ที่นับเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า” อ่านเพิ่มเติม: พฤกษา ปรับทัพทุ่ม 3.5 พันล้านบาท ลงทุนสตาร์ทอัพ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine