เทรนด์ขายบ้านยุค 4.0 ‘ทำตลาดผ่าน Facebook-จองออนไลน์’ ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน - Forbes Thailand

เทรนด์ขายบ้านยุค 4.0 ‘ทำตลาดผ่าน Facebook-จองออนไลน์’ ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน

ไอคอน เฟรมเวิร์ค เปิดเผยเทรนด์การทำธุรกิจอสังหาฯ ใช้เทคโนโลยีช่วยทำตลาด พบลูกค้ายุคใหม่ 50% มาจากช่องทาง ‘เฟซบุ๊ก’ ผู้ประกอบการขยับเปิดจองออนไลน์สร้างกระแสตลาด-พัฒนาแอพพลิเคชั่นครบวงจรสร้างความสะดวกแก่ลูกค้า

วรรณเทพ หรูวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด หรือ ICON บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ขาย-เช่า-บริการหลังขายสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทพัฒนาจัดสรรในช่วง 4-5 ปีมานี้มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยติดต่อลูกค้าอย่างครบวงจรมากขึ้น ตั้งแต่การตลาด การขาย ช่วยปล่อยเช่า และบริการหลังการขาย โดยบริษัทเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจนี้โดยเฉพาะ และมองว่าบริษัทอสังหาฯ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทั่วประเทศ จะมีความสนใจพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ยกตัวอย่างการตลาดและการขายซึ่งเห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันสถิติการเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจซื้อสินค้า หรือ Lead Management พบว่า 50% ของการเก็บข้อมูลได้จากสื่อสังคม Facebook เป็นหลัก ส่วนอีก 50% มาจากเว็บไซต์ คอลเซ็นเตอร์ และกิจกรรมอีเวนท์ ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างจากพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยก่อนยุคโซเชียลมีเดียที่การเก็บข้อมูลลูกค้าล้วนได้จากคอลเซ็นเตอร์และอีเวนท์ ทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อบริหาร Lead Management จากช่องทางใหม่อย่าง Facebook มีความสำคัญขึ้น
วรรณเทพ หรูวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด หรือ ICON 
รวมไปถึงขั้นตอนการขาย เห็นได้ว่าบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่หลายแห่งเริ่มพัฒนา ระบบจองซื้อออนไลน์ (Online Booking) โดยให้ผู้ซื้อศึกษาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด แม้แต่การนำชมห้องตัวอย่างผ่านรูปแบบ Virtual Reality คือการชมภาพจริงได้แบบ 360 องศา ทำให้ไม่จำเป็นต้องมาที่สำนักงานขายโครงการก็สามารถตัดสินใจซื้อได้ ซึ่งวิธีการเปิดจองซื้อออนไลน์มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการ เพราะมักจะเปิดจองออนไลน์ก่อนเปิดพรีเซลจริงที่สำนักงานขาย เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดว่ามียอดจองซื้อเข้ามาตั้งแต่ก่อนเปิดจริง แสดงให้เห็นว่าลูกค้าเชื่อถือและมีดีมานด์สูง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายหรือเซลส์ก็ยังมีความสำคัญในการกระตุ้นผู้ซื้อให้ตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุน วรรณเทพ กล่าวว่า หลังบริษัทเปิดดำเนินงานมา 10 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 20 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7 บริษัท อาทิ เอพี, พฤกษา, อนันดาฯ และได้เริ่มขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดแล้วในจังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่น และมีแผนจะขยายไปยังจังหวัดภูเก็ตในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ บริการของไอคอน จะขยายไปสู่การพัฒนา แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Application) โดยแอพฯ นี้จะรวมศูนย์การบริการลูกค้าครบวงจร ได้แก่

1.ตรวจสอบความคืบหน้างานก่อสร้าง 2.ชำระเงินค่างวดผ่านแอพฯ 3.การตรวจรับห้องชุด 4.บริการในการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ เช่น แม่บ้าน,ช่างซ่อม,รับเลี้ยงสัตว์,ครูสอนพิเศษ ฯลฯ 5.บริการปล่อยเช่าและขาย 6.Self-Claim เมื่อบ้านมีปัญหาชำรุดสามารถถ่ายรูปจุดที่ชำรุดส่งผ่านแอพฯ เพื่อให้ช่างประเมินและนัดหมายซ่อมแซมได้ทันที ลดขั้นตอนยุ่งยากเมื่อจะซ่อมบ้าน

โดยมีลูกค้าสนใจพัฒนาแอพพลิเคชั่นรูปแบบดังกล่าวแล้ว 2 ราย ซึ่งการดีไซน์ระบบรายละเอียดต่างๆ จะแตกต่างกันแล้วแต่ความต้องการ
ตัวอย่างหน้าอินเตอร์เฟซของแอพพลิเคชั่นบริการลูกค้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
วรรณเทพกล่าวว่า เมื่อปี 2559 บริษัทมีรายได้ 30 ล้านบาท ปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท และกลยุทธ์ขั้นต่อไป บริษัทจะเน้นลูกค้ารายกลาง-รายเล็ก ที่อาจจะต้องการซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมาใช้งานเพียงบางขั้นตอนและเป็นแพ็คเกจรายเดือน รวมถึงจับมือพันธมิตรเอเย่นต์ขายอสังหาฯที่อาจจะต้องการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยี เชื่อว่าจะทำให้มีจำนวนลูกค้ามากขึ้นในอนาคต “เราหวังว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 50% และอีก 3 ปีบริษัทเตรียมตัวจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นอยู่กับเทรนด์ของตลาดว่าจะมีความต้องการเทคโนโลยีมากขึ้นเร็วเพียงใด” วรรณเทพกล่าวปิดท้าย   Forbes in Details Forbes Thailand รายงานเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปลายปี 2559 ถึงช่วงต้นปี 2560 มีกระแสด้านพร็อพเพอร์ตี้ เทคอย่างต่อเนื่อง บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่หลายรายประกาศการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการตั้งเวนเจอร์แคปิตอลและบ่มเพาะสตาร์ทอัพ บริษัทดังกล่าว เช่น อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ, เอสซี แอสเสท นอกจากนี้หลายบริษัทมีการเปิดระบบจองซื้อออนไลน์แล้วเช่นกัน อาทิ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, พฤกษา เรียลเอสเตท เป็นต้น