ออริจิ้นใส่เกียร์บุกธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า ภายใต้ชื่อบริษัท “วัน ออริจิ้น” วางแผนขึ้นแท่น Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม ทุนญี่ปุ่นหนุนการพัฒนา-เซ็นสัญญาเชน IHG บริหารแล้ว 2,000 ห้อง เปิดพอร์ตกลุ่มธุรกิจออฟฟิศให้เช่า รีเทล เชนร้านอาหาร
กมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทลูกในเครือ
บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ตามแผนระยะยาว 5 ปีของออริจิ้นที่รายได้จากการเช่าจะเข้ามาเป็นอีกส่วนสำคัญของบริษัท
กมลวรรณแจกแจงแผนงานการลงทุนช่วง 5 ปี (ปี 2561-2565) ของวัน ออริจิ้น มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท จะแบ่งสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ 70% ในกลุ่มธุรกิจที่พัก คือ โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ รวม 15-16 แห่ง ขณะที่อีก 20% เป็นธุรกิจออฟฟิศบิลดิ้งและรีเทล พื้นที่รวม 5 หมื่นตารางเมตร ส่วน 10% ที่เหลือคือธุรกิจร้านอาหาร
โดยเธอกล่าวว่า งบลงทุนของวัน ออริจิ้น 65% จะมาจากการกู้สินเชื่อ ส่วนอีก 35% จะเป็นเงินสดภายในบริษัท ทั้งนี้ส่วนของเงินสดถ้าหากทาง
บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจจากญี่ปุ่นของออริจิ้นร่วมลงทุนในบางโครงการ จะทำให้ฝั่งออริจิ้นลดสัดส่วนการลงทุนด้วยเงินสดเหลือเพียง 18%
นอกจากนี้ วัน ออริจิ้นยังมีแผนจะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในอนาคต หลังโรงแรมแห่งที่ 1-2 เสร็จสมบูรณ์และเริ่มสร้างรายได้ที่ดีระยะหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มเปิดกองรีทมูลค่า 1,500-2,000 ล้านได้ใน 5 ปีนี้ และทยอยขายโรงแรมใหม่ๆ เข้าสู่กองรีทเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทคืนหนี้เงินกู้ได้เร็วพร้อมกับได้รับเงินสดหมุนเวียนมาลงทุน
ในแง่รายได้ กมลวรรณกล่าวว่าปี 2562 วัน ออริจิ้นจะเริ่มรับรู้รายได้ 300 ล้านบาทและเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนโครงการที่เปิดบริการจนถึงปี 2565 มีรายได้ 3,300 ล้านบาท และปี 2567 คาดว่าจะมีรายได้ 6,500 ล้านบาท
ปูพรม 15 โรงแรมใน 5 ปี ขึ้น Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม
กมลวรรณกล่าวต่อว่า กลุ่มธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการ 15-16 แห่งในระยะ 5 ปี โดยที่มีที่ดินและแผนพัฒนาชัดเจนแล้ว 9 แห่ง เช่น โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ, ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา, สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และแผนก่อสร้างโรงแรมในพื้นที่โครงการมิกซ์ยูสที่ออริจิ้นมีที่ดินแล้ว เช่น ซอยสุขุมวิท 24, มาบตาพุด จ.ระยอง
ส่วนอีก 6-7 แห่งนั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินหรือกำลังพิจารณาที่ดิน เช่น ย่านบางนา เอกมัย ถนนสุขุมวิท และจังหวัดแหล่งงานและท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สนใจ ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่
ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญากับเครือเชนบริหารโรงแรมระดับโลก
IHG ไปแล้วจำนวน 2,000 ห้อง มีการใช้เชนใหม่ที่ยังไม่เคยมีในไทยคือ “สเตย์บริดจ์” เป็นครั้งแรกที่ทองหล่อ เนื่องจากเป็นเชนที่เน้นลักษณะเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ระดับ 5 ดาว ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของวัน ออริจิ้นที่เจาะกลุ่มลูกค้า corporate คนทำงานระยะยาว แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลุ่มท่องเที่ยวด้วยการใช้เชน “ฮอลิเดย์ อินน์” ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว
“5 ปี เราอยากจะขึ้นเป็น Top 5 ในแง่จำนวนห้องพักซึ่งเราคาดว่าจะพัฒนาไปถึงระดับ 4,000 ห้องปัจจุบันเรามีแผนแล้วทั้งโรงแรมระดับ 3-4-5 ดาว ขึ้นอยู่กับทำเลที่ไปในอนาคตว่าควรจะเป็นระดับใด ซึ่งมองว่าทำเลเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่เห็นว่าเราเลือกไปในตลาด blue ocean เช่น ทองหล่อซึ่งไม่ค่อยมีโรงแรม และเรายังมองทำเลโอกาสอื่นๆ อีกที่มีผู้เล่นน้อย เช่น พระราม 4” กมลวรรณกล่าว
ซีอีโอวัน ออริจิ้น กล่าวเสริมว่า สำหรับ Top 5 ของธุรกิจโรงแรมไทย ได้แก่ เครือทีซีซี กรุ๊ป, เครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, เครือเซนทารา, ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และดุสิตธานี
เน้นเซอร์วิสออฟฟิศเร่งคืนทุนเร็ว
สำหรับกลุ่มธุรกิจออฟฟิศและรีเทล กมลวรรณกล่าวว่า จากกระแสคนรุ่นใหม่ การทำงานมีการเดินทางมากและต้องการประหยัดพื้นที่ในส่วนที่ไม่ได้ใช้บ่อย เช่น ห้องประชุม ห้องถ่ายเอกสาร เหล่านี้ใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันได้ ทำให้กระแสเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้ง สเปซ เป็นที่นิยมมาก ดังนั้น วัน ออริจิ้นจะเน้นออฟฟิศรูปแบบนี้เป็นหลัก
จตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวต่อว่า บริษัทศึกษาการพัฒนาเซอร์วิสออฟฟิศและพบว่ามีความต้องการในตลาด แต่ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละทำเลด้วย เช่น โครงการ
วัน 24 ในซอยสุขุมวิท 24 จะมีพื้นที่แบบเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซทั้งหมด แต่โครงการ
วัน พญาไท เป็นทำเลที่ยังต้องการออฟฟิศปกติอยู่ ทำให้จัดสรรพื้นที่ 25% เป็นออฟฟิศปกติ อีก 50% เป็นเซอร์วิสออฟฟิศ และ 25% เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซ
“การบริหารออฟฟิศปกติจะแตกต่างจากออฟฟิศแนวใหม่อย่างเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซ เพราะออฟฟิศปกติเป็นสัญญารายปี จะปรับขึ้นราคาได้ต้องครบกำหนดสัญญา แต่ออฟฟิศแนวใหม่มีการเช่าสั้นเหมือนกับการบริหารโรงแรม ทำให้ราคามีความยืดหยุ่นขึ้นลงได้ตามดีมานด์ การคืนทุนก็จะเร็วกว่า ยกตัวอย่างเช่นที่โครงการวัน 24 คาดว่าจะคืนทุนได้ใน 3 ปี เทียบกับออฟฟิศปกติที่มักจะใช้เวลาคืนทุนอย่างน้อย 5 ปี” จตุพรอธิบาย
ส่วนโครงการรีเทลของออริจิ้น จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแห่งแรกคือ
พอร์โทเบลโลมอลล์ ศรีราชาเดือนสิงหาคมนี้ และจะมีแห่งต่อไปคือ
พอร์โทเบลโลมอลล์ ระยอง ในพื้นที่ 4 ไร่ของออริจิ้น ดิสทริค ปากทางเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ปิดท้ายที่ธุรกิจร้านอาหาร วัน ออริจิ้นยังไม่ได้เปิดเผยแผนอย่างชัดเจน แต่วางงบลงทุนไว้ราว 2,260 ล้านบาท โดยกมลวรรณกล่าวว่า จะเป็นคอนเซปท์ร้านอาหารที่ขยายสาขาได้ดีตอบสนองพฤติกรรมการทานอาหารนอกบ้านของคนยุคใหม่ แต่ไม่ใช่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และกำลังมองกลยุทธ์ลงทุน เป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนสร้างเชนร้านอาหารแบบใหม่ หรือร่วมทุนเพื่อขยายเชนร้านอาหารเดิมที่มีศักยภาพแต่ขาดเงินทุน หรือเป็นการซื้อแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาเปิดในไทย