‘ออริจิ้น’ เทงบลงทุนสู่ Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม กางแผน 5 ปี ระดมเปิด 15 แห่ง - Forbes Thailand

‘ออริจิ้น’ เทงบลงทุนสู่ Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม กางแผน 5 ปี ระดมเปิด 15 แห่ง

FORBES THAILAND / ADMIN
12 Jun 2018 | 03:29 PM
READ 12366

ออริจิ้นใส่เกียร์บุกธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า ภายใต้ชื่อบริษัท “วัน ออริจิ้น” วางแผนขึ้นแท่น Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม ทุนญี่ปุ่นหนุนการพัฒนา-เซ็นสัญญาเชน IHG บริหารแล้ว 2,000 ห้อง เปิดพอร์ตกลุ่มธุรกิจออฟฟิศให้เช่า รีเทล เชนร้านอาหาร

กมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทลูกในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ตามแผนระยะยาว 5 ปีของออริจิ้นที่รายได้จากการเช่าจะเข้ามาเป็นอีกส่วนสำคัญของบริษัท กมลวรรณแจกแจงแผนงานการลงทุนช่วง 5 ปี (ปี 2561-2565) ของวัน ออริจิ้น มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท จะแบ่งสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ 70% ในกลุ่มธุรกิจที่พัก คือ โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ รวม 15-16 แห่ง ขณะที่อีก 20% เป็นธุรกิจออฟฟิศบิลดิ้งและรีเทล พื้นที่รวม 5 หมื่นตารางเมตร ส่วน 10% ที่เหลือคือธุรกิจร้านอาหาร โดยเธอกล่าวว่า งบลงทุนของวัน ออริจิ้น 65% จะมาจากการกู้สินเชื่อ ส่วนอีก 35% จะเป็นเงินสดภายในบริษัท ทั้งนี้ส่วนของเงินสดถ้าหากทาง บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจจากญี่ปุ่นของออริจิ้นร่วมลงทุนในบางโครงการ จะทำให้ฝั่งออริจิ้นลดสัดส่วนการลงทุนด้วยเงินสดเหลือเพียง 18% นอกจากนี้ วัน ออริจิ้นยังมีแผนจะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในอนาคต หลังโรงแรมแห่งที่ 1-2 เสร็จสมบูรณ์และเริ่มสร้างรายได้ที่ดีระยะหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มเปิดกองรีทมูลค่า 1,500-2,000 ล้านได้ใน 5 ปีนี้ และทยอยขายโรงแรมใหม่ๆ เข้าสู่กองรีทเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทคืนหนี้เงินกู้ได้เร็วพร้อมกับได้รับเงินสดหมุนเวียนมาลงทุน ในแง่รายได้ กมลวรรณกล่าวว่าปี 2562 วัน ออริจิ้นจะเริ่มรับรู้รายได้ 300 ล้านบาทและเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนโครงการที่เปิดบริการจนถึงปี 2565 มีรายได้ 3,300 ล้านบาท และปี 2567 คาดว่าจะมีรายได้ 6,500 ล้านบาท  

ปูพรม 15 โรงแรมใน 5 ปี ขึ้น Top 5 กลุ่มธุรกิจโรงแรม

กมลวรรณกล่าวต่อว่า กลุ่มธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการ 15-16 แห่งในระยะ 5 ปี โดยที่มีที่ดินและแผนพัฒนาชัดเจนแล้ว 9 แห่ง เช่น โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ, ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา, สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และแผนก่อสร้างโรงแรมในพื้นที่โครงการมิกซ์ยูสที่ออริจิ้นมีที่ดินแล้ว เช่น ซอยสุขุมวิท 24, มาบตาพุด จ.ระยอง ส่วนอีก 6-7 แห่งนั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินหรือกำลังพิจารณาที่ดิน เช่น ย่านบางนา เอกมัย ถนนสุขุมวิท และจังหวัดแหล่งงานและท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สนใจ ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญากับเครือเชนบริหารโรงแรมระดับโลก IHG ไปแล้วจำนวน 2,000 ห้อง มีการใช้เชนใหม่ที่ยังไม่เคยมีในไทยคือ “สเตย์บริดจ์” เป็นครั้งแรกที่ทองหล่อ เนื่องจากเป็นเชนที่เน้นลักษณะเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ระดับ 5 ดาว ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของวัน ออริจิ้นที่เจาะกลุ่มลูกค้า corporate คนทำงานระยะยาว แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลุ่มท่องเที่ยวด้วยการใช้เชน “ฮอลิเดย์ อินน์” ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว “5 ปี เราอยากจะขึ้นเป็น Top 5 ในแง่จำนวนห้องพักซึ่งเราคาดว่าจะพัฒนาไปถึงระดับ 4,000 ห้องปัจจุบันเรามีแผนแล้วทั้งโรงแรมระดับ 3-4-5 ดาว ขึ้นอยู่กับทำเลที่ไปในอนาคตว่าควรจะเป็นระดับใด ซึ่งมองว่าทำเลเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่เห็นว่าเราเลือกไปในตลาด blue ocean เช่น ทองหล่อซึ่งไม่ค่อยมีโรงแรม และเรายังมองทำเลโอกาสอื่นๆ อีกที่มีผู้เล่นน้อย เช่น พระราม 4” กมลวรรณกล่าว ซีอีโอวัน ออริจิ้น กล่าวเสริมว่า สำหรับ Top 5 ของธุรกิจโรงแรมไทย ได้แก่ เครือทีซีซี กรุ๊ป, เครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, เครือเซนทารา, ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และดุสิตธานี  

เน้นเซอร์วิสออฟฟิศเร่งคืนทุนเร็ว

สำหรับกลุ่มธุรกิจออฟฟิศและรีเทล กมลวรรณกล่าวว่า จากกระแสคนรุ่นใหม่ การทำงานมีการเดินทางมากและต้องการประหยัดพื้นที่ในส่วนที่ไม่ได้ใช้บ่อย เช่น ห้องประชุม ห้องถ่ายเอกสาร เหล่านี้ใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันได้ ทำให้กระแสเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้ง สเปซ เป็นที่นิยมมาก ดังนั้น วัน ออริจิ้นจะเน้นออฟฟิศรูปแบบนี้เป็นหลัก
(ซ้าย) กมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ขวา) จตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ จากบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด
จตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวต่อว่า บริษัทศึกษาการพัฒนาเซอร์วิสออฟฟิศและพบว่ามีความต้องการในตลาด แต่ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละทำเลด้วย เช่น โครงการ วัน 24 ในซอยสุขุมวิท 24 จะมีพื้นที่แบบเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซทั้งหมด แต่โครงการ วัน พญาไท เป็นทำเลที่ยังต้องการออฟฟิศปกติอยู่ ทำให้จัดสรรพื้นที่ 25% เป็นออฟฟิศปกติ อีก 50% เป็นเซอร์วิสออฟฟิศ และ 25% เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซ “การบริหารออฟฟิศปกติจะแตกต่างจากออฟฟิศแนวใหม่อย่างเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซ เพราะออฟฟิศปกติเป็นสัญญารายปี จะปรับขึ้นราคาได้ต้องครบกำหนดสัญญา แต่ออฟฟิศแนวใหม่มีการเช่าสั้นเหมือนกับการบริหารโรงแรม ทำให้ราคามีความยืดหยุ่นขึ้นลงได้ตามดีมานด์ การคืนทุนก็จะเร็วกว่า ยกตัวอย่างเช่นที่โครงการวัน 24 คาดว่าจะคืนทุนได้ใน 3 ปี เทียบกับออฟฟิศปกติที่มักจะใช้เวลาคืนทุนอย่างน้อย 5 ปี” จตุพรอธิบาย
โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และ พอร์โทเบลโลมอลล์ ศรีราชา ในออริจิ้น ดิสทริค พื้นที่ 4 ไร่ โครงการมิกซ์ยูสบุกภาคตะวันออกของออริจิ้น
ส่วนโครงการรีเทลของออริจิ้น จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแห่งแรกคือ พอร์โทเบลโลมอลล์ ศรีราชาเดือนสิงหาคมนี้ และจะมีแห่งต่อไปคือ พอร์โทเบลโลมอลล์ ระยอง ในพื้นที่ 4 ไร่ของออริจิ้น ดิสทริค ปากทางเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ปิดท้ายที่ธุรกิจร้านอาหาร วัน ออริจิ้นยังไม่ได้เปิดเผยแผนอย่างชัดเจน แต่วางงบลงทุนไว้ราว 2,260 ล้านบาท โดยกมลวรรณกล่าวว่า จะเป็นคอนเซปท์ร้านอาหารที่ขยายสาขาได้ดีตอบสนองพฤติกรรมการทานอาหารนอกบ้านของคนยุคใหม่ แต่ไม่ใช่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และกำลังมองกลยุทธ์ลงทุน เป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนสร้างเชนร้านอาหารแบบใหม่ หรือร่วมทุนเพื่อขยายเชนร้านอาหารเดิมที่มีศักยภาพแต่ขาดเงินทุน หรือเป็นการซื้อแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาเปิดในไทย