พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลงทุนสไตล์นักบริหารรุ่นใหม่ - Forbes Thailand

พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลงทุนสไตล์นักบริหารรุ่นใหม่

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Dec 2019 | 09:30 AM
READ 8231

พราวพุธ ลิปตพัลลภ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ของไทยที่กำลังถูกจับตามองเป็นอย่างมากในเวลานี้ และอยู่ในลำดับต้นๆ ด้วยผลงานความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการสวนน้ำ “วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน” ที่สร้างชื่อเสียงการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว

พราวพุธ หรือ พราว ทายาทอดีตนักการเมืองชื่อดัง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เริ่มเข้ามาบริหารธุรกิจครอบครัวหลังจบการศึกษาจากประเทศอังกฤษเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ในฐานะผู้บริหาร “พราว กรุ๊ป” ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมเป็นหลัก กล่าวได้ว่าเธอคือเสาหลักที่ เข้ามาบุกเบิก สร้างพอร์ตธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันยังควบตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย พร้อมกับการรุกตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในหัวหินซึ่งการบริหารงานทั้งสองบริษัทแยกออกจากกันอย่างชัดเจน “พราวเริ่มเข้ามาบริหารในพราว กรุ๊ป ก่อน และเป็น จุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวในรูปแบบโฮลดิ้ง ตอนนั้นมีพนักงานเพียง 7 คน และมีธุรกิจ โรงแรมเพียงแห่งเดียว คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จนปัจจุบันมีพนักงานเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ กว่า 70 คน และหากนับรวมกับพนักงานฝ่ายปฏิบัติการน่าจะมีร่วมๆ 1,000 คนได้” พราวพุธเล่าถึงจุดเริ่มต้นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเพียงองค์กรขนาดเล็ก จนกลายเป็น องค์กรขนาดใหญ่ในที่สุด

มากกว่าโรงแรมคือแหล่งท่องเที่ยว

ทำเลแรกที่ครอบครัวเลือกลงทุน คือ หัวหิน โดยมีเป้าหมาย จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของหัวหินให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เพราะที่ผ่านมาหัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนสำหรับคนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก ดังนั้น นอกจากการลงทุนโรงแรมแล้ว พราวพุธกล่าวว่า “เราจึงลงทุน สร้าง infrastructure tourism ด้วย อย่างสวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน หรือห้างสรรพสินค้า Bluport ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน เพื่อทำให้เกิดความสมบูรณ์ของความเป็นเมืองท่องเที่ยว “นับจากวันที่เราเริ่มเข้าไปลงทุน ตอนนั้นหัวหินมี นักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 3-4 แสนคนเท่านั้น แต่ปัจจุบันตัวเลขเติบโตขึ้นเป็นปีละ 1 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวม นักท่องเที่ยวคนไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหัวหิน ที่การท่องเที่ยวยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก” พราวพุธบอกว่า การทำแต่ละโครงการเกิดจากการศึกษา และทาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพื้นที่นั้นก่อน อย่างโครงการ วานา นาวา หัวหิน วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน บริษัทมองเห็น แนวโน้มของการขยายความเป็นเมืองหัวหินออกไปรอบนอก มากขึ้น และการเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่มีทั้งสวนน้า โรงแรม และคอนโดมิเนียม จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการพัฒนาด้านอื่นๆ เข้าไปเพิ่มเติม เมื่อโครงการแรกประสบความสำเร็จ การลงทุนทำเลใหม่จึงเกิดขึ้นตามมา เพราะพราวพุธมองว่าไม่ใช่แค่หัวหินที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ แต่ยังมี “ภูเก็ต” ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และนั่นเป็นเหตุผลที่เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้น่าสนใจจึงประเดิมด้วย “อันดามันดา” โครงการแรก ในภูเก็ต สถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ ที่จะมีทั้งสวนน้ำและความบันเทิงหลากหลายบนเนื้อที่ 58 ไร่ บริเวณสี่แยกกะทู้” ในปีนี้พราวพุธและพี่ชาย (พสุ ลิปตพัลลภ) ยังได้เข้าไปถือหุ้นอสังหาริมทรัพย์รวม 70.30% ในบริษัทโฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จากัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จากัด (PROUD) ส่งผลให้ การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวลิปตพัลลภ มีความสมดุลและเต็มรูปแบบมากขึ้น แนวคิดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของ PROUD จะนาหลักปรัชญาของ พราว กรุ๊ป มาเป็นแกนในเรื่องความพิถีพิถันในการออกแบบ และให้ความสาคัญกับความคุ้มค่าแก่การลงทุน นั่นคือเรื่องของ Quality of Life จึงเป็นที่มาของแนวคิด “MORE THAN JUST LIVING : ชีวิตที่มากกว่า” นอกจากบทบาทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่พราวพุธก็สวมบท เธอเผยว่าในฐานะนักลงทุนพอร์ตการลงทุนส่วนตัวเพิ่งเริ่มต้นยังเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนัก เพราะเพิ่งลงทุนอย่างจริงจังในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยเธอแบ่งการลงทุนเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท hard asset ราว 15% ที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้น มีกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนตลาดเงินอีกในสัดส่วน 10-20% โดยเน้น การลงทุนในสิ่งที่ถนัดและมีความเข้าใจในพื้นฐานเป็นหลัก
คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Life แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019 ในรูป e-Magazine