ส่องเทรนด์ อสังหาฯ ลอนดอนมาแรง รับค่าเงินปอนด์อ่อนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ไนท์แฟรงค์ ชี้เป็นโอกาสนักลงทุนไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซื้อเก็บ เพราะแนวโน้มสร้างผลตอบแทนสูง ซัพพลายมีจำกัด รุกนำโครงการ Chelsea Barracks เขตเบลกราเวีย มีทั้งอะพาร์ตเมนต์ และทาวน์เฮาส์ ขายให้เศรษฐีคนไทยที่ส่งบุตรหลานไปเรียนอังกฤษและนักลงทุน
ฮามิช เอกกิ้นส์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ไพรม์ในลอนดอน หรือตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคา 10 ล้านปอนด์ขึ้นไป นับได้ว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ
อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปริมาณธุรกรรมของอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ไพรม์ในลอนดอนมีการตัวปรับลดลงบ้าง แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ตัวเลขก็เริ่มดีขึ้น โดยในระหว่างเดือนกันยายน 2564 ถึงเดือนสิงหาคม 2565 มีธุรกรรมเกิดขึ้นทั้งหมด 155 รายการ มูลค่ามากกว่า 10 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ไนท์แฟรงค์ ได้เผยบทวิเคราะห์จำนวนคำสั่งขายใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ลอนดอน ตามดัชนีล่าสุดของไนท์แฟรงค์ สะท้อนถึงราคาบ้านในย่านไพร์มไทม์ใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้น 2.7% และจำนวนผู้ซื้อในอนาคตในในย่านไพร์มใจกลางกรุงลอนดอนและในย่านไพร์มรอบๆ กรุงลอนดอนอยู่ที่ 53% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (ไม่รวมปี 2563) ในเดือนกันยายนนี้ พร้อมคาดการณ์อีก 5 ปีราคาบ้านในย่านไพร์มใจกลางลอนดอนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 7.5 %
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง และแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีของนักลงทุนชาวไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2565 มีธุรกรรมตลาดอสังหาฯ ระดับไพร์มคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของธุรกรรมตลาดบ้านในลอนดอน
โดยล่าสุดกลุ่มไนท์แฟรงค์ฯ ได้นำโครงการ Chelsea Barracks ของกลุ่ม Qatari Diar Europe ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมาจัดโรดโชว์ในประเทศไทย เพื่อเสนอขายทาวน์โฮมและอะพาร์ตเม้นต์ให้กับกลุ่มคนไทยที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ
เบื้องต้นจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับ Wealth ของธนาคารกรุงเทพ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่หรือ High Net Worth Individual (ผู้ที่มีเงินฝาก 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษหรือ Ultra High Net Worth Individual (ผู้ที่มีเงินฝาก 60 ล้านเหรียญ) คาดว่าจะปิดการขายได้ 2-3 ยูนิต
โครงการ Chelsea Barracks ตั้งอยู่ในเขตเบลกราเวีย ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์กลางกรุงลอนดอน ครอบคลุมทั้งเมืองเวสต์มินสเตอร์ ราชสำนักแห่งเคนซิงตั้น และเชลซี บนพื้นที่กว่า 12.8 เอเคอร์หรือประมาณ 32.384 ไร่ ประกอบด้วยอะพาร์ตเมนต์ เพนต์เฮาส์ และทาวน์เฮาส์ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส
โดยอยู่ระหว่างเปิดขายเฟสแรก มีทั้งทาวน์เฮาส์สูง 4 ชั้นหน้ากว้าง 10 เมตรจำนวน 13 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 945 ตารางเมตร ราคาขาย 38 -55 ล้านปอนด์หรือเริ่มต้นประมาณ 1,600 ล้านบาท (1ปอนด์เท่ากับ 42.14 บาท) ทำยอดขายได้แล้ว 50% และอะพาร์ตเมนต์จำนวน 67 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตารางเมตร ราคาขาย 3 ล้านปอนด์หรือประมาณ 126 ล้านบาท ทำยอดขายได้แล้ว 90% ล่าสุดได้เปิดเฟส 2 เพิ่มอีก 90 ยูนิตเป็นะพาร์ตเมนต์ทั้งหมด สัญญาเช่าระยะยาว 999 ปี
สำหรับจุดเด่นของโครงการตั้งอยู่รอบสวนสี่เหลี่ยมเจ็ดแห่ง และตั้งอยู่ย่านใจกลางกรุงลอนดอนที่ล้อมรอบไปด้วยถนนสโลน (Sloan road) และถนนคิงส์ (King’s road) ที่มีชื่อเสียง รวมถึงร้านค้าหรู ร้านบูติกชื่อดัง และหอศิลป์ที่ตั้งอยู่บนถนนพิมลิโค (Pimlico road) รวมถึง โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักรที่ตั้งอยู่ใกล้กับ Chelsea Barracks แห่งนี้
นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีพื้นที่ส่วนกลางมากถึง 40% ของพื้นที่ทั้งโครงการ มีทั้งสระว่ายน้ำยาว 25 เมตร, Business Room, สนามเทนนิส รวมถึงสวนสาธารณะ พื้นที่สวนมัลเบอร์รี่ สแควร์ ที่ออกแบบใหม่ให้เป็นสวนครัวส่วนกลางที่ปลูกดอกไม้ ผัก และสมุนไพร รวมถึงสวนทำอาหารที่บริหารงานโดยร้านเดอะ แคมพาเนอร์
“ความน่าสนใจและดึงดูดให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจซื้ออสังหาฯในเขตเบลกราเวีย ประเทศอังกฤษในช่วงนี้ เนื่องจากลูกค้าสามารถซื้ออสังหาฯ ได้ในราคาที่ลดลงถึง 40% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2557 ถึงกันยายน 2565 เพราะราคาอสังหาฯ ที่ปรับลดลงถึง 11% และค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ในปีนี้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในระดับราคา 20-30 ล้านปอนด์ไปแล้วประมาณ 37 ราย และระดับราคา 10-20 ล้านปอนด์จำนวน 109 ราย” ฮามิชกล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม: “เครือ รพ.พญาไท-เปาโล” เดินหน้ายกระดับธุรกิจสุขภาพ สู่ Digital Healthcare Provider
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine