"เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์" ผู้นำทัพคนใหม่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์
เปิดตัวแม่ทัพใหม่ "เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์" ขึ้นรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ คุม "ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์" ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ชู 3 แนวทางการบริหารธุรกิจ หัวใจสำคัญ คือ "ลูกค้า - คู่ค้า - สังคม" เพื่อยกระดับ ecosystem ให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ที่สร้างสีสันความสนุกสนาน สดใส มีชีวิตชีวาแก่ชุมชนอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนในแต่ละพื้นที่ ทั้ง 27 สาขา ครอบคลุม 24 จังหวัดทั่วไทย ด้วยผู้เช่ากว่า 5,000 ราย ลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 100 ล้านคนต่อปี เป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่น ที่มอบประสบการณ์ "EAT-SHOP-PLAY" ตอบทุกความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสเปเชียลตี้สโตร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกมากมายรวมกว่า 1,000 แบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและระดับโลก และมั่นใจจะเข้ามาช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย ยกระดับวงการธุรกิจค้าปลีกประเทศไทยสู่สากล
แม่ทัพคนใหม่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่ไม่ธรรมดา
นายเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ ถือเป็นผู้บริหารระดับสูงรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ เข้าใจกับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ดินเพื่อการค้าปลีก รวมถึงการทำธุรกิจค้าปลีกในภาพรวมเป็นอย่างดี โดยร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล ทั้งเซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทรัล รีเทล มาอย่างยาวนาน ย้อนหลังไประหว่างปี 2555 – 2561 เคยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ก่อนที่จะย้ายมาดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารทรัพย์สิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และล่าสุดมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ดูแลศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการบนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภายใต้คอนเซ็ปต์ "New Central New Retail" เซ็นทรัล รีเทล ได้พัฒนาเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และนำเสนอการค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และได้ก้าวสู่การเป็น #1 Omnichannel Retailer เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และจุดประกายการค้าปลีกในรูปแบบใหม่ให้เท่าทันกับโลกอนาคต
มุ่งสู่เป้าหมายสำคัญให้โรบินสันไลฟ์สไตล์เป็น "No.1 Lifestyle and Experiential Community" ในทุก City ทั่วไทยด้วย 3 หัวใจหลัก "ลูกค้า-คู่ค้า-สังคม" ประกอบด้วย
1.COMPLETE LIFESTYLE DESTINATION ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าเดิม ทุกเพศ
ทุกวัย ทุกครอบครัว และเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าใหม่กับการเป็น "EAT-SHOP-PLAY" เดสติเนชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด
และครบจบในที่เดียว ได้แก่
- ยกระดับการเป็นศูนย์กลางในการใช้ชีวิตเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Food Lover, กลุ่ม Modern Family, กลุ่ม Pet Lover และกลุ่ม Tourist Destination ด้วยการสร้างประสบการณ์พิเศษอยู่เสมอให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Special Project การ Collaboration กับ World Class Artists โดยจะเริ่ม Roll Out ในสาขาที่เป็น Flagship Store ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณ Exclusive Collection รวมถึงการสร้าง New Experiences อื่นๆ ในศูนย์การค้าฯ ให้กลายเป็นพื้นที่สุดพิเศษที่ทุกคนจะได้มาใช้ชีวิตและปลดล็อกไลฟ์สไตล์แบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกับกิจกรรมและอีเวนท์ที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกที่หลากหลายกว่า 52 อีเวนท์ครอบคลุม 27 สาขาทั่วไทย ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุก Segment และช่วยสร้างรายได้ให้กับพันธมิตรร้านค้าในทุกช่วงเทศกาลและตลอดทั้งปี
- สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยไนท์ วอร์คกิ้ง สตรีท, ลานนั่งเล่น, แฮงก์เอ้าท์ เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ที่ครบวงจรตลอดวัน
- พัฒนาปรับปรุงสาขา ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้สมบูรณ์มากขึ้นด้วยแผนการรีโนเวทสาขาทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าทั้งหมด 14 สาขา โดยมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ 5 สาขา ได้แก่ สระบุรี, กาญจนบุรี, สมุทรปราการ, ราชบุรี และสุรินทร์ โดยภาพรวมของแนวทางการออกแบบ จะเนรมิตบรรยากาศภายในของศูนย์การค้าด้วยงานศิลป์ตกแต่งเพิ่มความสดใสและการใช้ชีวิตที่แตกต่างภายในศูนย์การค้า มาพร้อมกับความสวยงามที่น่าประทับใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า New Gen ที่ต้องการพื้นที่ในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
- ต่อยอดธุรกิจและสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ เน้นให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มครอบครัว โดยวางเป้าขยายธุรกิจ SUNDAY สวนสนุกเด็กในร่ม พื้นที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ไปยังสาขาของศูนย์การค้าฯ ทั่วไทย รวมถึงศูนย์อาหาร Food Park ศูนย์รวมความอร่อยจากร้านเด็ดชั้นนำ มีแผนรีโนเวทมากกว่า 10 สาขา เสริมกำลังด้วยร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังและร้านค้าในกระแสของแต่ละพื้นที่ ทั้งยังมีการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในพื้นที่ของศูนย์การค้าในหลายสาขา เช่น Outdoor Mall และ Strip Mall ซึ่งเป็นพื้นที่การเดินช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และมีแผนที่จะนำไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต
2.INCLUSIVE GROWTH FOR PARTNERS มุ่งเน้นการเชื่อมโยงการทำธุรกิจของคู่ค้าที่ครบวงจรแบบ B2B2C
ร่วมกับการเสริมกำลังด้านบุคลากรและรูปแบบการทำงานร่วมกับพันธมิตรร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำรวมถึงบริการ
ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ประกอบด้วย
- นำเสนอ Total Solutions แก่ร้านค้าแบบครบวงจร ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำของไทย อาทิเช่น Robinson Department Store, Tops, Supersports, B2S, Power Buy และเน้นทำงานแบบ Proactive โดยมุ่งการสร้าง Business Success ให้แก่ร้านค้าและซัพพอร์ตแบบทุกมิติ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว
- การขยายธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะให้การสนับสนุนแบรนด์กลุ่มใหม่ๆ ที่กำลังมาแรง อาทิ สุกี้ตี๋น้อย, โอ้กะจู๋, Shinkanzen Sushi เข้ามาอยู่ในศูนย์การค้าฯ ให้ธุรกิจคู่ค้าได้ขยายและเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน
- การสนับสนุนธุรกิจในพื้นที่และกลุ่ม Startup โดยการเปิดพื้นที่ให้เจ้าของธุรกิจเอสเอมอี และกลุ่ม Startup ทั้งหลายในแต่ละพื้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาออกร้านในศูนย์การค้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
3.CREATE SUSTAINABLE COMMUNITY โดยมุ่งเน้นกับการสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่
ทั้งด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจในชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีที่เข้ามาช่วยยกระดับ
คุณภาพชีวิต และเป็นศูนย์กลางของแต่ละจังหวัด ได้แก่
- การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของชุมชน โดยการผนึกกำลังสถาบันการศึกษา เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเสริมทักษะของเยาวชนในด้านต่างๆ รวมถึงกิจกรรม CSR ที่ได้ร่วมทำกับชุมชน
- การสร้างคุณค่าและมูลค่าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน ส่งเสริมการสร้างรายได้ในชุมชน โดยการสนับสนุนการจัดจ้างแรงงาน การเปิดพื้นที่สำหรับจัดจำหน่ายสินค้าร่วมกับชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและคนในสังคมอย่างยั่งยืน
- การขับเคลื่อนธุรกิจศูนย์การค้าสู่การเติบโตแบบยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ในการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืน ช่วยลดการใช้ทรัพยากรชาติที่มีอย่างจำกัด สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจของศูนย์การค้า รวมถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจำนวน 25 สาขา สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 73,145.48 Ton CO2 การจัดทำระบบ Chiller Plant Management การติดตั้ง EV Charging Station อย่าง OR EV Station PluZ และ Tesla Supercharger สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบในฐานะของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
"หลักการบริหารของผม คือ Always Create the Best วันนี้เราทำดีแล้ว พรุ่งนี้ต้องดีขึ้นไปอีก ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยการผนึกกำลังพันธมิตรร้านค้าที่กำลังเป็นกระแส พร้อมกับกิจกรรมการตลาด การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ๆ รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ดูทันสมัยตามกระแสปัจจุบัน พร้อมกับความเซอร์ไพรส์ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ เรายังขับเคลื่อนให้องค์กรมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งและไดนามิกก้าวทันกระแสโลก และอีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ คือ เรื่องของบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญ โดยเรามีการพัฒนาคนทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว เช่น การเพิ่มศักยภาพหรือการพัฒนาด้วยความรู้ใหม่ๆ เพื่อทำให้องค์กรพัฒนาก้าวไกลอย่างไม่หยุดยั้ง" นายเลิศวิทย์ กล่าว