บริษัทสัญชาติตุรกี ‘โบซานคายา’ (Bozankaya) และกลุ่มบริษัทพันธมิตร ลงนามในสัญญาฉบับใหม่เพื่อผลิตรถไฟฟ้าจำนวน 53 ขบวนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร ส่งมอบชุดแรกไตรมาส 3 ปี 2569
สำหรับสัญญาดังกล่าวครอบคลุมการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ระบบประตูกั้นชานชาลา และระบบหน้าจอแสดงข้อมูล เพื่อมอบโซลูชันการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงและบูรณาการครบวงจร รถไฟฟ้าขบวนใหม่ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายในกว้างขวาง และมีระบบแสดงผลข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร
ด้วยความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรซึ่งประกอบด้วย ซีเมนส์ โมบิลิตี้ และบริษัท เอสที เอ็นจิเนียริ่ง เออร์เบิน โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด โบซานคายาจะผลิตรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 53 ขบวนที่โรงงานอันทันสมัยในกรุงอังการา
โดยจำนวน 32 ขบวนจะให้บริการในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มของกรุงเทพมหานคร และ 21 ขบวนจะให้บริการบนสายสีน้ำเงิน
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/BVJNg99KipW7HjJ5BAF9.jpg)
ทั้งนี้ สายสีส้มเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หรือ MRT ซึ่งจะให้บริการครอบคลุมระยะทาง 35.9 กม. และ 29 สถานี ด้วยรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้จำนวน 32 ขบวน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน หรือ MRT สายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายที่สามของกรุงเทพมหานครต่อจากสายสุขุมวิทและสายสีลมนั้น จะให้บริการด้วยขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้จำนวน 21 ขบวน
โดยกำหนดส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าชุดแรกคือช่วงไตรมาสที่สามของปี 2569 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2571
นอกจากนี้ ขอบเขตของสัญญายังครอบคลุมถึงบริการที่ครบวงจร เช่น ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบอาณัติสัญญาณ และบริการซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 15 ปี สัญญาจะแบ่งเป็นหลายระยะเริ่มตั้งแต่ปี 2567 จนกระทั้งสิ้นสุดในปี 2582
Aytunç Günay ประธานคณะกรรมการบริหารของโบซานคายา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า "โครงการของเราในกรุงเทพมหานครจะส่งเสริมสถานะของโบซานคายาในตลาดระบบรางระดับโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การผลิตรถไฟฟ้าให้กับมหานครใหญ่อย่างเมืองหลวงของประเทศไทยเปิดโอกาสให้เราได้แสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความเป็นเลิศทางวิศวกรรมในระดับนานาชาติ ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาฉบับนี้จะยกระดับกำลังการผลิตในท้องถิ่นของเรา และสนับสนุนการส่งออกของตุรกีให้เติบโตขึ้นด้วย"
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/8wRnE6VnNTP71r1rv2o4.jpg)
ในฐานะแบรนด์ชั้นนำที่โดดเด่นเรื่องระบบขนส่งไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถไฟฟ้าประหยัดพลังงานเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านการขนส่งที่ยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร โดยจะนำเสนอทางเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้แต่ละขบวนจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 800 คนในเที่ยวเดียว ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมืองได้เป็นอย่างมาก
Günay ยังได้ชูผลงานด้านการวิจัยและพัฒนาของโบซานคายา โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า "โครงการนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเป้าหมายการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของตุรกี การผลิตและการทดสอบรถไฟจะดำเนินการที่ศูนย์ R&D ของโบซานคายาในกรุงอังการา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและวิศวกรรมของบริษัท
“เราภูมิใจอย่างยิ่งในทีมวิศวกร R&D ทั้ง 150 คน และพนักงานเกือบ 1,400 คนในศูนย์ R&D ของบริษัท ซึ่งเมื่อรวมกับศูนย์การผลิตที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100,000 ตร.ม.ในกรุงอังการาแล้ว จึงทำให้โบซานคายาครองตำแหน่งโรงงานผลิตขบวนรถไฟที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในตุรกี”
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KKP แจงเหตุเศรษฐกิจไทยปี 2025 เสี่ยงโตต่ำศักยภาพที่ 3% แม้มีแจกเงิน-ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัว
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine