จับตาธุรกิจ 'ขนส่ง-โลจิสติกส์' แข่งขันเดือด! เฉพาะปี 67 มียอดรวมธุรกิจสูง 1.82 แสนล้าน - Forbes Thailand

จับตาธุรกิจ 'ขนส่ง-โลจิสติกส์' แข่งขันเดือด! เฉพาะปี 67 มียอดรวมธุรกิจสูง 1.82 แสนล้าน

FORBES THAILAND / ADMIN
23 Jan 2025 | 08:00 AM
READ 116

สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. คาดการณ์ธุรกิจ 'ขนส่งและโลจิสติกส์' ปี 2568 ยังคงคึกคักและน่าจะแข่งขันด้านราคากันอย่างดุเดือด ชี้ ปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ มีมูลค่าการรวมธุรกิจสูงที่สุดถึง 1.82 แสนล้านบาท แนะผู้ประกอบการรายเล็กต้องระวังเพราะตลาดมีความซับซ้อน กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างให้บริการที่คล้ายคลึงกันและยังแข่งขันในเรื่องของราคาอย่างรุนแรง


    ผศ.ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (เลขาธิการ กขค.) คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมประเภทบริการ (Services) และสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองด้านการรวมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อมูลสถิติการรวมธุรกิจในประเทศไทย ปี 2566 - 2567 สะท้อนจำนวนและมูลค่าการรวมธุรกิจที่สูงเป็นสองอันดับแรกของประเภทอุตสาหกรรม 

    โดยอุตสาหกรรมประเภทบริการในหมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นตลาดที่มีผู้เล่นหลากหลาย ทั้งผู้เล่นในตลาดขนส่งรายใหญ่ ผู้เล่นจากแพลตฟอร์มออนไลน์ และผู้ค้าออนไลน์รายใหญ่ในตลาดขนส่งพัสดุในช่วงเวลาเร่งด่วนและระยะทางสั้น จึงทำให้ตลาดมีความซับซ้อนและการแข่งขันรุนแรงขึ้น เนื่องจากบริการขนส่งของผู้ให้บริการรายต่างๆ มีความคล้ายคลึงกันสูง ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก 

    และจากการคาดการณ์เห็นว่าในระยะสั้นอาจทำให้ผู้ประกอบธุรกิจขาดทุนจากการแข่งขันกันลดราคาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด แต่ในระยะยาวรายเล็กอาจไม่สามารถแข่งขันได้ และอาจมีความเสี่ยงที่รายใหญ่หรือผู้ที่มีอำนาจในตลาดจะได้มาซึ่งส่วนแบ่งตลาดและสามารถเพิ่มราคาได้ในที่สุด ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่แตกต่างและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตได้ในตลาดที่แข่งขันสูง


    ทั้งนี้ เลขาธิการ กขค. ยังเผยถึงสถิติการรวมธุรกิจของสำนักงาน กขค. ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 พบว่า มีจำนวนการรวมธุรกิจทั้งหมด 163 กรณี หรือคิดเป็นมูลค่าการรวมธุรกิจ 4.88 ล้านล้านบาท โดยในปี 2565 มีจำนวนการรวมธุรกิจมากที่สุดถึง 42 กรณี ในขณะที่ปี 2564 มีมูลค่าการรวมธุรกิจมากที่สุดสูงถึง 2.05 ล้านล้านบาท เนื่องจากในปีดังกล่าวมีกรณีการรวมธุรกิจที่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องขออนุญาตรวมธุรกิจ ซึ่งมักมีมูลค่าการรวมธุรกิจสูง 

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมามีจำนวนการรวมธุรกิจ 21 กรณี คิดเป็นมูลค่าการรวมธุรกิจ 5.99 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกรณีการแจ้งผลการรวมธุรกิจ 17 กรณี และขออนุญาตรวมธุรกิจ 4 กรณี โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ มีมูลค่าการรวมธุรกิจสูงที่สุดถึง 1.82 แสนล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจการแพทย์ที่แม้จะมีเพียง 1 กรณี แต่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องขออนุญาตรวมธุรกิจซึ่งมีมูลค่าการรวมธุรกิจสูงถึง 1.25 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมมูลค่าการรวมธุรกิจของทั้งสองธุรกิจดังกล่าว จะพบว่ามีมูลค่ากว่า 51% ของมูลค่าการรวมธุรกิจในปี 2567

    ในขณะเดียวกัน สถานการณ์การรวมธุรกิจปีที่ผ่านมาในต่างประเทศ เช่น การรวมธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2528 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากกองทุนไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity Funds) ซึ่งเป็นกองทุนที่ระดมเงินทุนจากผู้ลงทุนสถาบัน ได้เข้าซื้อธุรกิจที่เหล่าบริษัทญี่ปุ่นขายออกไป นอกจากนี้ แนวโน้มการรวมธุรกิจปี 2568 ของสหรัฐอเมริกา จากรายงานการรวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน มองว่า จะมีแนวโน้มทะลุถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ น่าจะสูงที่สุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากการกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้งหนึ่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมผลักดันและสนับสนุนภาคเอกชนอย่างเต็มที่ โดยการลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อกิจการหรือรวมธุรกิจ  

    อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ กขค. มองว่าบรรยากาศการรวมธุรกิจของประเทศไทยในปี 2568 น่าจะคึกคักและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกับประเทศอื่น จึงมีความท้าทายในการกำกับดูแลและติดตามด้านโครงสร้างตลาด สร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันทางการค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เอื้อต่อการแข่งขันมากที่สุด และยังเฝ้าระวังติดตามและตรวจสอบการรวมธุรกิจที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าอย่างต่อเนื่อง 

    ดังนั้น ขอเน้นย้ำว่า หากผู้ประกอบธุรกิจจะรวมธุรกิจขอให้ศึกษาทำความเข้าใจกฎหมายการแข่งขันทางการค้า และหลักเกณฑ์ตามประกาศ กขค. อย่างละเอียดก่อนดำเนินการรวมธุรกิจ เพื่อให้ไม่เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ เพราะท้ายที่สุดแล้วความไม่รู้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกันและไม่สามารถนำมาอ้างให้พ้นผิดได้!


ภาพ: กขค. และ image by tawatchai07



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : PCE วางงบ 800-1,000 ล้าน ขยายโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเพิ่ม ปักธงรายได้ 3 หมื่นล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine