Tesco ยุบรวมสำนักงาน-ปิดร้าน-ปลดคน รักษาชีพ

หน้าเว็บไซต์ของ Tesco ประกาศลดราคาในวันนี้

• ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ส่วนกลาง ลดความซับซ้อนในการบริการจัดการสโตร์ และเพิ่มความยืดหยุ่นของชั่วโมงการทำงาน เพื่อประหยัดงบประมาณให้ได้ปีละ 250 ล้านปอนด์
• ยุบรวมสำนักงานใหญ่ โดยปิดสำนักงานที่ Cheshunt ในปี 2016 แล้วย้ายไปรวมกับที่ Welwyn Garden City ให้เป็นสำนักงานใหญ่ทั้งของกลุ่มบริษัทและของอังกฤษ
• ปิดร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ไม่ทำกำไรรวม 43 แห่ง
• ปรับลดราคาสินค้าที่เป็นที่นิยมของลูกค้า

• ทบทวนแผนงานก่อสร้างร้านสาขาทั้งหมด
• ตัดงบค่าใช้จ่ายในการลงทุนประจำปี 2015/16 ให้เหลือ 1 พันล้านปอนด์ 
• ขายกิจการ Tesco Broadband และ Blinkbok ให้บริษัทมือถือ TalkTalk
• แต่งตั้งที่ปรึกษาเพื่อหาหนทางในการสร้างมูลค่าจากบริษัท Dunnhumby
• ไม่จ่ายปันผลในปี 2014/15

8 มกราคม - Tesco กระโจนเข้าสู่ "สงครามราคา" ในธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษแล้ว นับเป็นมาตรการแรกในการกู้วิกฤติห้างค้าปลีกเก่าแก่แห่งนี้ ขณะที่หลายฝ่ายตั้งตารอ “พิมพ์เขียว” จากนายใหญ่ Dave Lewis ว่าจะมีแผนงานที่ชัดเจนในระยะยาวอย่างไร  ขณะสื่ออังกฤษยังจับตาการขาย Tesco Lotus ในไทย ว่าเป็นหนึ่งมาตรการสำคัญ

 

หลังจากห้างค้าปลีกคู่แข่งอย่าง Asda และ Sainsbury’s ประกาศลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในวันนี้ Tesco ได้ประกาศลดราคาขายปลีกสินค้ายี่ห้อๆ ดังมากมายหลาย เช่น Hovis, Coca-Cola, Colgate และ Tetley ทำให้ราคาขายปลีกโดยเฉลี่ยปรับลดลงถึง 25% 

 

ตัวอย่างสินค้าที่ปรับราคา ได้แก่ ยาสีฟัน Colgate Triple Action ขนาด 100ml เหลือ 0.99 ปอนด์ จากเดิม 1.39 ปอนด์, เบียร์ Stella Artois ขนาด 4x440ml เหลือ 3.54 ปอนด์ จากเดิม 4.49 ปอนด์, Kellogg’s Cornflakes ขนาด 750g เหลือ 1.98 ปอนด์ จากเดิม 2.48 ปอนด์

 

ในเวลานี้ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ต้องเผชิญกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Aldi และ Lidl ที่เป็น discount store  ทำให้นักวิเคราะห์ต่างคาดกันว่า ยอดขายของเชนค้าปลีกระดับ big four ได้แก่ Tesco, Asda, Sainsbury's และ Morrisons ต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาส หรือช่วงปลายปีที่ผ่านมา  อย่างเช่น Sainsbury's ที่ยอดขายช่วงนี้ตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี

 

ขณะที่หลายฝ่ายยังคงติดตามแผนแม่บทกอบกู้ Tesco อย่างเป็นทางการจาก Dave Lewis  ซีอีโอที่เข้ามารับหน้าที่นี้โดยเฉพาะ คาดกันว่าจะมีความชัดเจนในวันนี้ ซึ่งหนีไม่พ้นการลดราคาสินค้า ปลดพนักงาน และขายทรัพย์สิน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากลูกค้า คู่ค้า และกลุ่มนักลงทุน ให้กลับคืนมาสู่องค์กร

 

วิกฤติของ Tesco ยืดยาวมากว่าสองปีแล้ว จากยอดขายที่ตกต่ำ ผลกำไรที่ลดลง และที่สำคัญคือเรื่องอื้อฉาวทางบัญชี ที่มีการลงผลกำไรเกินจริงถึง 263 ล้านปอนด์ จนทำให้ผู้บริหารระดับสูงต้องลาออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ Serious Fraud Office (SFO) หน่วยงานอิสระของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคดีฉ้อโกงร้ายแรงโดยเฉพาะ

 

อย่างไรก็ตาม BBC อ้างว่า Lewis ได้แจ้งต่อนักลงทุนเมื่อเดือนที่ผ่านว่า ไม่อยากจะใช้การแถลงผลประกอบการช่วงเทศกาลคริสต์มาสในวันนี้ (8 มกราคม) เป็นวันประกาศแผนการกอบกู้วิกฤติระยะยาวของบริษัท

 

แต่ว่านักวิเคราะห์คาดกันมานานแล้วว่า Tesco คงเหลือทางเลือกไม่มากนัก โดยแผนการหนึ่งก็คือการลดจำนวนพนักงานในสำนักงานใหญ่ และการวางแผนรับมือห้างค้าปลีก discount store ที่กำลังบั่นทอนยอดขายของเชนห้างค้าปลีกในอังกฤษ

 

นอกจากนี้ยังมั่นใจด้วยว่า Tesco จะต้องขึ้นป้ายขายทรัพย์สินของตัวเอง ทั้งในอังกฤษและเอเชีย โดยมีรายงานว่าบริษัทโทรศัพท์มือถือ TalkTalk กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อบริหารวิดีโอสตรีมมิ่ง Blinkbox  แต่ทรัพย์สินที่น่าจะมีมูลค่าสูง น่าจะเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ Dunnhumby ที่นักวิเคราะห์คาดว่ามีราคาถึง 2-3 พันล้านปอนด์

 

นอกจากนี้ BBC ยังคงย้ำถึงการขายธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งก็คือ Tesco Lotus อีกด้วย ที่ผ่านมามีการประเมินว่ามีมูลค่าถึง 5 พันล้านปอนด์  เนื่องจาก Tesco Lotus คือผู้บริหารพื้นที่ศูนย์การค้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากกลุ่มเซ็นทรัล มีสาขาทั่วประเทศไทยประมาณ 1,500 แห่ง มีพนักงาน 55,000 คน และสามารถทำรายได้เป็นอันดับ 3 ของ Tesco ทั่วโลก รองจากอังกฤษและเกาหลีใต้ 

 

ในช่วงปลายปี 2557 ขณะเกิดกระแสข่าวว่า Tesco แห่งอังกฤษกำลังพิจารณาขายกิจการในไทยให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ CP  ทำให้ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ ต้องออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเองว่า ส่วนตัวนั้นสนใจ แต่ยังไม่เคยมีการเจรจาใดๆ กับทาง Tesco ที่อังกฤษเลย ถ้าเป็นจริงก็จะเปิดแถลงข่าว

 

Mike Dennis นักวิเคราะห์แห่ง Cantor Fitzgerald ประเมินว่า Tesco จะทำเงินจากการขายทรัพย์สินได้ราว 4 พันล้านปอนด์ และจากการลดต้นทุนด้านกำลังคนในสำนักงานใหญ่ได้อีก 250 ล้านปอนด์
 

 

---

ข่าวอื่นๆ