Tadashi Yanai เผยรายงานด้านความยั่งยืน "ฟาสต์ รีเทลลิ่ง" ปี 64 - Forbes Thailand

Tadashi Yanai เผยรายงานด้านความยั่งยืน "ฟาสต์ รีเทลลิ่ง" ปี 64

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Feb 2021 | 04:42 PM
READ 1331

Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด เผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ซึ่งได้รวบรวมวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นล่าสุดในการเป็นองค์กรด้านความยั่งยืนที่มากกว่าเดิม

Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้ง และประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด กล่าวถึงการเผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปีนี้ว่า “เราจะส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร และกิจกรรมในเชิงธุรกิจประเภทใดที่จะนำทางไปสู่โลกที่น่าอยู่นั้น เราต้องใช้หัวใจคิดหาคำตอบให้กับคำถามทั้งหมดนี้แล้วลงมือทำ เราหวังว่ารายงานด้านความยั่งยืนฉบับล่าสุดของเราจะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการเป็นธุรกิจที่ทั้งสามารถให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น และสามารถนำคำตอบนั้นไปปฎิบัติให้เกิดขึ้นจริง” บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ส่งเสริมทุกความมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้นผ่านธุรกิจเครื่องแต่งกาย ภายใต้พันธกิจด้านความยั่งยืนที่ว่าด้วยการปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า (Unlocking the Power of Clothing) โดยบริษัทฯ ได้เผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 2549 รายงานประจำปีนี้เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ทำให้วิถีชีวิตและความรับรู้ของลูกค้าและผู้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เปลี่ยนไป ทั้งนี้ การสื่อสารรูปแบบใหม่และทำให้เข้าใจง่ายขึ้น สะท้อนความมุ่งมั่นของ บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ในการเป็นธุรกิจที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและสามารถซื้อสินค้าด้วยความเชื่อใจ รวมทั้งช่วยเผยแพร่วิสัยทัศน์ขององค์กรที่สนับสนุนความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืน ทั้งนี้ บทความแรกของรายงานด้านความยั่งยืนฉบับนี้ ถ่ายทอดบทสนทนาพิเศษระหว่าง Tadashi Yanai และ มร. ฌาคส์ อัตตาลี ซึ่งเป็นทั้งนักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ และนักอนาคตศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส โดยบทความถูกเรียบเรียงขึ้นจากบทสนทนาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงของทั้งสองท่านเมื่อเดือนตุลาคมปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจะพาผู้อ่านไปร่วมคิดวิเคราะห์ว่าไวรัสโคโรนากำลังเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างไรบ้าง และแวดวงอุตสาหกรรมจะสามารถพัฒนาต่อยอดท่ามกลางสถานการณ์นี้ได้อย่างไร นอกจากนั้น รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ยังรวบรวมโครงการที่มีความโดดเด่นของบริษัทฯ ตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือต่อสังคมเมื่อปี 2554 อาทิ โครงการบริจาคเสื้อผ้าเพื่อช่วยเหลือค่ายผู้อพยพลี้ภัยและผู้ประสบภัยธรรมชาติทั่วโลก ความพยายามในการสร้างความปลอดภัย ความมั่นคง และความเป็นธรรมในสภาพแวดล้อมในการทำงานของแรงงาน และโครงการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและคุ้มครองแรงงานในห่วงโซ่อุปทาน ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ฉบับภาษาอังกฤษได้ทางเว็บไซต์ของ บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/report/new.html 6 แนวทางความยั่งยืน บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ดำเนินกิจการภายใต้พันธกิจด้านความยั่งยืนที่ว่าด้วย “การปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า” และหาแนวทางสนับสนุนการพัฒนาความยั่งยืนของสังคมผ่านการทำธุรกิจเครื่องแต่งกาย โดยฟาสต์ รีเทลลิ่ง ตระหนักดีว่าการเติบโตของธุรกิจขึ้นอยู่กับการพัฒนาด้านความยั่งยืนของสังคมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก จึงให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมใน 6 ด้าน ได้แก่ 1) การสร้างคุณค่าใหม่ๆ ผ่านสินค้าและบริการ 2) การเคารพสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน 3) การเคารพสิ่งแวดล้อม 4) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของชุมชน 5) การสนับสนุนให้พนักงานบรรลุเป้าหมาย 6) บรรษัทภิบาล นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดหามาตรการเพื่อดำเนินพันธกิจและบรรลุเป้าหมายแต่ละด้าน เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ได้ดำเนินกิจการภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ซึ่งเป็นโครงการระดับนานาชาติที่ตั้งขึ้นเพื่อจัดการกับประเด็นด้านความยั่งยืน บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด เป็นบริษัทโฮลดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นชั้นนำระดับโลกในธุรกิจค้าปลีก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ยูนิโคล่เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ฟาสต์ รีเทลลิ่งทั้ง 8 แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่เหลือได้แก่ GU, Theory, Helmut Lang, PLST (Plus T), Comptoir des Cotonniers, Princesse tam.tam และ J Brand บริษัทฯ มียอดจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 2.0088 ล้านล้านเยนในปีบัญชี 2020 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2020 (ประมาณ 19,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ ต่อ 105.4 เยน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2020) ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกเครื่องแต่งกายที่ใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีพันธกิจที่จะเปลี่ยนโฉมเสื้อผ้า พลิกโฉมหน้าของภูมิปัญญาเดิมๆ และเปลี่ยนแปลงโลก อ่านเพิ่มเติม: Trend Lines: พลังของสีแดงบนหน้าปัดเรือนเวลาหรู

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine