การลงทุนเริ่มหวือหวามากขึ้น เมื่อเม็ดเงินที่เก็บออมสามารถทำให้เราได้เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทรถยนต์ระดับโลกอย่าง Daimler หรือร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วโลกเฉกเช่น Starbucks แม้แต่หุ้นเทคโนโลยีดาวเด่นทั้ง Microsoft หรือ Google ก็ไม่ยากเกินเอื้อม ซึ่งก่อนนี้คงมีเฉพาะผู้มั่งคั่งเพียงหยิบมือที่จะคว้าโอกาสนั้นได้
ด้วยเงินเริ่มต้นที่ 1,000 บาทกับกองทุนธนชาต All Star Global 1 (T -Allstar1) ที่เป็นกองทุนหุ้นอายุ 1 ปี ขนาด 1 พันล้านบาท เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก บริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด ผสมผสานจากการให้คำปรึกษาของ LGT Bank สถาบันการเงินจากประเทศลิกเตนสไตน์ ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่าแสนล้านเหรียญสหรัฐ เน้นให้บริการด้านธนบดีธนกิจและบริหารสินทรัพย์
T -Allstar1 จัดสรรกรอบการลงทุน 40 - 50% ให้กับกลุ่ม High Growth Stock หรือราคาหุ้นเติบโตสูง เช่น หุ้นของ GILEAD Sciences บริษัทผลิตยารักษาเชื้อ HIV อีก 20 - 30% เน้น Quality Stock หรือหุ้นที่ผันผวนน้อยและมีการเติบโตระยะยาว เช่น Daimler ส่วนที่เหลืออีก 20-30% สำหรับ Turn Around Stock หรือหุ้นที่อาจซวนเซบ้างในบางช่วงแต่แนวโน้มผลกำไรดี เช่น Starbucks
"เราไม่ได้รับประกันผลตอบแทน แต่คาดว่า T -Allstar1 จะให้ yield ราว 10 - 12% " จากการประเมินของ ตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต
หากถามว่าแล้วหุ้นเป็นตลาดทุนที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นแล้วจริงหรือไม่ Simon Grose-Hodge Managing Director, Head of Investment Advisory, LGT Bank (Singapore) Ltd. ยืนยันว่า ให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้อย่างแน่นอน โดยตลาดหุ้นกลุ่ม emerging marget ที่น่าสนใจมากคือกลุ่มเอเชียเหนือ เช่น ไต้หวันซึ่งบริษัทอิเลคทรอนิกส์จะเติบโตมาก เป็นต้น ขณะที่ญี่ปุ่นจะร้อนแรงมากจากแรงส่งของ Abenomics
นักลงทุนที่สนใจเตรียมซื้อหน่วยลงทุน T - Allstar1 ได้ระหว่าง 5 - 19 สิงหาคม 2557 แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง มีสติก่อนใช้สตางค์
-- รายละเอียดและหนังสือชี้ชวน T-Allstar1 --
-- รายละเอียดและหนังสือชี้ชวน T-Allstar1 --