SKYBOX บริการรับส่งของลอยฟ้า ช่องทางใหม่ E-commerce/ SME - Forbes Thailand

SKYBOX บริการรับส่งของลอยฟ้า ช่องทางใหม่ E-commerce/ SME

โอกาสทางธุรกิจที่ผลิบานในยุค Thailand 4.0 โดยผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถจับกระแสความเปลี่ยนแปลงและนำเสนอการบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว พร้อมต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากการรับส่งสินค้าบนสถานีรถไฟฟ้าเป็นการเชื่อมโยงร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมจับมือพันธมิตรร้านสะดวกซื้อ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และขยายจุดบริการบีทีเอสให้ครอบคลุมเกือบทุกสถานี เพื่อเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าให้กับกลุ่มธุรกิจ E-Commerce และ SME ทั่วเมือง “ตลาด E-Commerce ในไทยมีการเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด คิดเป็น 12.42% มูลค่ารวมสูงถึง 2.52 ล้านล้านบาท ส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นตามมา จากปัจจัยเหล่านี้เราจึงพยายามผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในแง่ของธุรกิจมีรายได้ และยอดการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 200% ตามเป้าที่วางไว้” อภิพัฒน์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งสกายบ็อกซ์ (SKYBOX) บริษัท ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการปรับตัวทางธุรกิจจากผู้รับส่งสินค้าบนสถานีรถไฟฟ้าในปี 2557 สู่การเดินหน้าแผนกลยุทธ์ผู้ให้บริการจุดรับส่งสินค้ามากที่สุดในเอเชีย จากตัวเลขการเติบโตในตลาด E-Commerce ทำให้ SKYBOX เล็งเห็นโอกาสเพิ่มการให้บริการจาก C2C ที่เป็นเพียงผู้ให้บริการรับส่งพัสดุให้กับคนทั่วไป มาเป็นธุรกิจแบบ B2B2C และต่อเนื่องสู่การสร้างระบบออนไลน์เชื่อมต่อ Web shopping online โดยเชื่อมต่อลูกค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง และขยายจุดบริการบนรถไฟฟ้าบีทีเอส จาก 4 สาขา เป็น 7 สาขา รวมถึงจับมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เช่น Central Online, CPS, AISOnline, Sephora, Tops Supermaket, บริษัท Elca  Brands นำเข้า cosmetics ชั้นนำ และ SME รายย่อยกว่า 100  ร้านค้า ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท “SKYBOX เป็นจุดรับสินค้าจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ให้บริการบนบีทีเอสเป็นรายแรก เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้บริการสามารถรับและคืนสินค้าได้ในเวลาเดียวกัน โดยใช้เพียงรหัสรับสินค้า รวมถึงเรายังต่อยอดแอพพลิเคชั่นที่เชื่อมต่อผ่าน API ขยายการใช้งานไม่จำกัด สร้างรายการส่งล่วงหน้า หรือเช็กข้อมูลแบบเรียลไทม์” ธนวัฒน์ ไล้ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ร่วมก่อตั้ง SKYBOX กล่าว ขณะเดียวกันบริษัทยังเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Lifestyle Skybox Omni เทคโนโลยีเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์และร้านค้าออฟไลน์ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตอบสนองความต้องการและเข้าถึงลูกค้าได้เป็นวงกว้าง โดยไม่จำเป็นต้องขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และระบบจะส่งคำสั่งซื้อไปยังศูนย์กลางที่ใกล้ผู้ส่งมากที่สุด เพื่อให้ศูนย์กลางกระจายสินค้าตามจุดที่ลูกค้าสะดวกรับสินค้า “ปัจจุบันเทรนด์การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มีเพิ่มมากขึ้น บวกกับเป็นยุคดิจิทัลที่มีเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้ประกอบการแต่ละรายพยายามหากลยุทธ์ทางการตลาดแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาซื้อสินค้าใหม่ เป็นการสร้างยอดขายด้วยระบบเครือข่ายยุคใหม่ และใช้ศักยภาพของออนไลน์ มาช่วยขยายการเติบโต” อรชุลี วิศิษฐฎากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ร่วมก่อตั้ง SKYBOX กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังมีแผนพัฒนาระบบ e-locker สำหรับล็อกเกอร์ฝากรับสินค้าระบบอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการทำงานทั้งหมดจากส่วนกลาง โดยเป็นการพัฒนาเชิง lot (Internet of Things) เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรับสินค้าจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือผู้ให้บริการ SME พร้อมวางเป้าหมายการให้บริการรองรับตลาดสินค้าออนไลน์รวมที่เติบโตขึ้นกว่า 12% ซึ่งบริษัทคาดการณ์การเติบโตประมาณ 200% และนำการบริการดังกล่าวขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปยังต่างประเทศ เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย ในระยะต่อไป