ย้อนรำลึก 3 โครงการทรงคุณค่าด้วยพระมหากรุณาธิการของ ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’ โดยนอกจากจะทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยในด้านการส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างรายได้แล้ว ยังทรงห่วงใยในด้านสุขอนามัยของประชาชนในพื้นที่ชนบทอันห่างไกล รวมถึงการอนุรักษ์ป่าไม้ให้อุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกร ให้ทำกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ
1. ช่วยเหลือราษฎรยากไร้ สร้างรายได้ด้วย 'มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ'
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2519 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากไร้ในชนบท ด้วยการส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริม-อนุรักษ์งานศิลปะหัตถศิลป์พื้นบ้าน ที่มีความงดงามหลากหลายสาขาไม่ให้สูญหายไป เช่น การปั้น การทอ และการจักสาน รวมถึงการสนับสนุนอาชีพทางด้านหัตถกรรมให้ออกมาเป็นผ้าไหมลวดลายต่างๆ อันสวยงามวิจิตรตระการตานับตั้งแต่ปี 2513 จนกลายเป็นรู้จักแพร่หลายอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในอดีตปี พ.ศ. 2505 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงยังทรงได้รับเลือกให้เป็น1 ใน 10 ของสตรีที่แต่งพระองค์งามที่สุดในโลก จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก ซึ่งการแต่งกายพระองค์นั้นถือเป็นการโปรโมทให้เห็นถึงฝีมือของเกษตรกรไทยและยังสร้างรายได้ สร้างชื่อเสียงของผ้าไทยที่ถักทอในแต่ละท้องถิ่นให้ทั่วโลกได้ประจักษ์


2. 'หน่วยแพทย์พระราชทาน' เพื่อสุขอนามัยของราษฏร
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนตามพื้นที่ชนบทห่างไกล พระองค์จึงได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านสาธารณสุขเป็นจำนวนมาก อาทิ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดคณะแพทย์ตามเสด็จในต่างจังหวัด...ซึ่งนำมาสู่ 'หน่วยแพทย์พระราชทาน' จวบจนทุกวันนี้
ทรงสานต่อโครงการหมอหมู่บ้านของในหลวง รัชกาลที่ 9 คัดเลือกชาวบ้านที่สมัครใจมาอบรม เพื่อนำความรู้กลับไปช่วยเหลือคนเจ็บป่วยในหมู่บ้าน โดยให้ชาวบ้านรู้จักใช้ยาและดูแลรักษาอนามัยเบื้องต้น ขณะที่คนไข้ป่วยหนักยากจนทรงไม่ทอดทิ้งรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทุกชีวิตของราษฎรมีความหมายใต้ร่มพระบารมีสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง



และแม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ PAPR เพื่อใช้ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลประจำจังหวัดในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และทุกเหล่าทัพช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละให้ปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยอีกด้วย เป็นต้น
3. ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ โครงการพระราชดำริฯ
“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่แสดงถึงพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะทรงงานด้านการอนุรักษ์ป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ เพื่อสนับสนุนการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อช่วยให้พสกนิกรชาวไทยมีน้ำเพียงพอต่อการดำรงชีพและการทำการเกษตร
‘โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่’ ที่พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นที่แรก ณ บ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2534 ถือเป็นโครงการตามพระราชดำริอันหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่พระราชหฤทัยด้านการอนุรักษ์ป่าไม้และทรงห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
พระองค์ทรงพระราชทานพระราชดำริแนวทางการอนุรักษ์ไว้ว่า ให้คงมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ให้รักษาป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ ไม่ให้ถูกทำลายต่อไป จัดให้มีการฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกทำลายไป โดยให้มีทั้งไม้ป่าธรรมชาติและไม้ใช้สอย พื้นที่ทำกินของราษฎร ให้การช่วยเหลือด้านการเกษตร สามารถทำกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า และจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ

ทั้งนี้ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ บ้านห้วยไม้หก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถทำให้คนกับป่าอยู่ด้วยกันได้โดยไม่เกิดการทำลาย หลังจากนั้นจึงมีการต่อยอดจัดตั้งโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่อีกหลายพื้นที่ เช่น โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านอุดมทรัพย์ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร, โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านหนองห้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา, โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยฟ้าห่มปก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ฯลฯ
อ้างอิงข้อมูลโดย : สำนักพระราชวัง


