PACO มั่นใจรายได้ทะลุพันล้าน ชู OEM ชิ้นส่วนแอร์อนาคตไกล - Forbes Thailand

PACO มั่นใจรายได้ทะลุพันล้าน ชู OEM ชิ้นส่วนแอร์อนาคตไกล

เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ ฟันธงรายได้ปีทองเติบโตแตะ 1 พันล้านบาทจากธุรกิจหลัก REM กลับมาสดใสหลังเปิดประเทศ เล็งออกสินค้าขยายตลาดอะไหล่ครบวงจร พร้อมชูธุรกิจใหม่รับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ตอบสนองดีมานด์ค่ายรถยนต์

สมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (“PACO”) เปิดเผยว่า PACO ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี และคาดการณ์รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านบาทในปี 2565 ทั้งธุรกิจหลัก ธุรกิจใหม่ การเพิ่มสินค้า และปัจจัยค่าเงินบาทอ่อนตัว ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออกที่เป็น 1 ในรายได้หลักกว่าร้อยละ 60 ของรายได้รวมบริษัท สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตจำหน่ายอะไหล่เครื่องปรับอากาศรถยนต์รุ่นต่างๆ (REM) ในประเทศและส่งออกทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตดีหลังเปิดประเทศ ซึ่งบริษัทยังมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลักในด้านอะไหล่เครื่องปรับอากาศ (Spare Part) รถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทวีปต่างๆทั่วโลก ด้วยเป้าหมายขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า ขณะที่รายได้จากธุรกิจใหม่ ซึ่งบริษัทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ (OEM) จะเริ่มรับรู้อย่างมีนัยยะในปีนี้เป็นต้นไป โดยกลุ่มลูกค้ารายใหญ่รายแรกของบริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่มุ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าประเภท รถยนต์ EV และ Plug-in Hybrid ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นๆ อย่างต่อเนื่อง ได้รับออเดอร์มูลค่าถึง 1.2 พันล้านบาท ทำให้มีรายได้ที่มั่นคงรองรับกว่า 5 ปี สำหรับธุรกิจ OEM และ รองรับรายได้ 10 ปีสำหรับธุรกิจรับจ้างผลิตอะไหล่ (OES) “ยิ่งกว่านั้นบริษัทยังได้รับการติดต่อจากผู้ผลิตหลายแห่ง เพื่อนำเสนองานรับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์และชิ้นส่วนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ OEM ที่ชัดเจน  และมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการทยอยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จำนวนมากของค่ายรถยนต์เข้าสู่ตลาด และ PACO มีไลน์การผลิต อุปกรณ์เครื่องจักรมาตรฐานสากล พร้อมผลิตสินค้าให้ลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม อีกทั้งมีคู่แข่งน้อยรายในธุรกิจ จึงเชื่อมั่นว่า PACO มีโอกาสรับงานรับจ้างผลิต OEM ได้อีกจำนวนมาก" นอกจากนี้​ บริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตจากแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มรายได้ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง เช่น หม้อน้ำรถยนต์ คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ อะไหล่ช่วงล่างรถยนต์ ออยล์คูลเลอร์ ไดชาร์จ และไดสตาร์ท เป็นต้น รวมถึงขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู (Luxury Cars) “ส่วนของตลาดส่งออกของเราคาดว่าจะเติบโตได้ดี ตามตลาดรถยนต์ทั่วโลกที่ฟื้นตัวดี จากการเปิดเมืองของสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป โดยตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ คือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย” สำหรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACO ได้ผลิตแบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla โดยเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก “เราเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ จากการที่ภาครัฐได้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกลับมาดีขึ้น รวมถึงหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง จะช่วยส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัวทั่วโลก บริษัทฯ ยังคงที่จะมุ่งพัฒนาและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย” สมชาย กล่าวปิดท้าย ทั้งนี้ บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย อ่านเพิ่มเติม: เวทีเกียรตินาคินภัทร รวมกูรู 3 บลจ. ชี้ปี 2022 หุ้นไทยฟื้น
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine