IMGUR: The Anti-Social Network - Forbes Thailand

IMGUR: The Anti-Social Network

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Jul 2015 | 05:54 PM
READ 2664

เรื่อง: STEVEN BERTONI เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา (อ่านฉบับเต็ม "IMGUR: The Anti-Social Network" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JUNE 2015)
 

สิ่งแรกที่คุณจะสังเกตเห็นที่สำนักงานใหม่ของ Imgur ใน San Francisco ก็คือยีราฟ มียีราฟอยู่ทั่วทุกมุม ทั้งตุ๊กตาเป่าลม แผ่นป้ายรูปยีราฟจูบกัน ไปจนถึงภาพวาดยีราฟใส่แว่นตาขาเดียวกับหมวกทรงมายากลขนาดยักษ์บนกำแพง “Imguraffe คือสัญลักษณ์ของบริษัท” Alan Schaaf วัย 27 ปีผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทกล่าว “จุดเริ่มต้นมาจากมุกขำๆ ที่เราทำขึ้นในวัน April Fool’s ที่เราเปลี่ยนธีมบนหน้าเว็บมาใช้รูปยีราฟในวันนั้น และตลอด 6 เดือนหลังจากนั้นมีคนส่งอีเมลมาหาเราจำนวนมากเพื่อเรียกร้องให้เราเอาเจ้ายีราฟกลับมา”


สำหรับ Imgur (อ่านว่า “อิม-เมจ-เจอ”) ซึ่งเป็นเว็บรวบรวมอินเทอร์เน็ตมีม ภาพเคลื่อนไหว (GIF) มุกขำขันหรือมุกล้อเลียน ที่กำลังเผยแพร่อยู่ในกระแสสังคมอินเทอร์เน็ต ยีราฟเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนที่เหมาะสมที่สุด เพราะทั้งแปลก ดูเปิ่น และรูปร่างใหญ่โต ในแต่ละเดือน Imgur ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 150 ล้านราย มีการเรียกดูหน้าเว็บเพจมากกว่า 5.5 พันล้านครั้ง และมีจำนวนแชร์รูปภาพใหม่ถึง 45 ล้านรูป นับจากปี 2009 ตั้งแต่ Schaaf ก่อตั้งเว็บไซต์จากหอพักที่มหาวิทยาลัย Ohio University เว็บ Imgur ได้กลายเป็นโปรแกรมมาตรฐานสำหรับอัพโหลดไฟล์รูปก่อนจะนำไปใช้ส่งต่อบน Facebook, Twitter, Reddit และบล็อกต่างๆ แต่ตอนนี้ Imgur กำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการรับฝากรูปภาพมาเป็นเว็บไซต์จุดหมายปลายทางที่ดึงดูดผู้ใช้โดยตรง ปัจจุบันผู้เข้าชมเว็บไซต์ประมาณ 30% (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นและผู้ใช้ที่ติดอินเทอร์เน็ต) เข้าชมรูปภาพและเนื้อหาของ Imgur โดยตรงจากหน้าเว็บและแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ

กระแสนิยมดังกล่าวช่วยให้ Schaaf ระดมเงินทุน 40 ล้านเหรียญจากบริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุน Andreessen Horowitz เมื่อเมษายน 2014 หลังจากพัฒนาและให้บริการเว็บไซต์มานาน 5 ปี “มันเป็นสังคมออนไลน์ที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ” Lars Dalgard หุ้นส่วนของ Andreessen กล่าว “ผู้ใช้งานสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับคนที่พวกเขาอาจไม่มีวันได้เห็นหน้า และได้พบกับคนที่มีอะไรเหมือนๆ กันมากกว่าเพื่อนที่ทำงานหรือเพื่อนที่โรงเรียน”

ตอนนี้ Imgur ต้องเริ่มหาทางสร้างรายได้จากผู้เข้ามาใช้บริการบนสื่อสังคมออนไลน์ที่แตกต่างจาก Facebook, Instagram และ Snapchat เนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ Imgur ไม่ได้อิงจากเพื่อนหรือคนที่พวกเขาติดตาม แต่ผู้เข้าใช้งานจะเห็นรูปภาพต่างๆ บนหน้าแรกของเว็บไซต์เหมือนกันหมด โดยที่รูปภาพจะถูกจัดเรียงตามคะแนนนิยม รูปภาพที่ติดอันดับต้นๆ อาจมีคนแสดงความคิดเห็นหลายพันครั้งและจำนวนผู้โหวตหลายหมื่นคน “Imgur เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน” Schaaf กล่าว “ผมไม่ได้เห็นรูปภาพหรือข้อความจากการติดตามคนที่ผมสนใจ แต่ผมดูภาพเหล่านั้นเพราะภาพได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่”

เมื่อเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ Imgur จะรู้สึกเหมือนการเลือกหารายการที่สนใจบนช่องโทรทัศน์สาธารณะ มีทั้งภาพเคลื่อนไหวตัวการ์ตูนหมีเล่นอยู่บนกองฟาง คลิปสาธิตวิธีจุดกองไฟด้วยถ่านไฟฉายกับกระดาษห่อหมากฝรั่ง ชุดภาพสอนวิธีตัดต่อผ่านโปรแกรม Photoshop ลบรอยแผลผ่าตัดในรูปของคุณปู่โดยผู้ใช้ Imgur ด้วยกัน “มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลากับ Imgur น้อยกว่า 5 นาที” Schaaf กล่าว

จำนวนพนักงานได้เพิ่มขึ้นเป็น 45 คนหลังการระดมทุน 40 ล้านเหรียญเมื่อช่วงต้นปี 2014 Schaff กล่าวว่าเขาจะรับพนักงานเพิ่มเติมอีกเป็น 90 คนภายในปลายปีนี้เนื่องจาก Imgur จะมีผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้นผ่านแอพพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการ iOS ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แผนต่อไปคือการเตรียมขยายสู่การเชื่อมต่อกับโทรทัศน์ Lars Dalgaard จาก Andreessen Horowitz กล่าวว่า “เว็บอันน่าทึ่งนี้ยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ไม่ถึง 1% ซึ่งคนเหล่านี้จะตื่นเต้นและชื่นชอบถ้ารู้ว่ามีบริการอย่างเว็บของเราอยู่”

รายได้หลักในปัจจุบันของ Imgur มาจากการโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ Imgur กำลังจัดตั้งฝ่ายผลิตโฆษณาของตนเอง ซึ่งจะสร้างสรรค์และลงรูปภาพโฆษณาของแบรนด์ต่างๆ ในลักษณะโฆษณาแฝงไปกับเรื่องราวอื่นๆ ที่เรียกว่า native ads ที่ออกแบบมาสำหรับส่งต่อทางอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะ Schaaf กล่าวว่าโฆษณาเหล่านี้จะถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูปแบบและลักษณะของเว็บไซต์ ในการทดลองโฆษณาสำหรับภาพยนตร์และเกม (Grand Theft Auto V) ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ใช้งาน โดยรูปโฆษณาบางชิ้นมีผู้กดไลค์และนำไปส่งต่อประมาณ 4% โดยเฉลี่ย ทั้งนี้ Imgur ต้องทำการโฆษณาโดยที่ไม่ให้เกิดความรู้สึกตั้งใจขายจนเกินไป ผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์โดยเฉพาะคนที่กล้าแสดงความคิดเห็นเมื่อไม่ได้เปิดเผยชื่อที่แท้จริงอาจแสดงความคัดค้านอย่างรุนแรงเมื่อมีการโฆษณาบนหน้าจอของตน “สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดเกี่ยวกับ Imgur คือสังคมที่สนใจในสิ่งเดียวกัน” Schaaf กล่าว “และมีแต่เราเท่านั้นที่จะทำลายสิ่งนี้ได้”


อ่านฉบับเต็ม "IMGUR: The Anti-Social Network" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JUNE 2015