ฟิน อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ หรือ FIN Broker สตาร์ทอัพน้องใหม่รุกธุรกิจประกันด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลประกันชีวิตครบวงจรตอบ พร้อมตั้งเป้าใหญ่เดินหน้าสู่เป้าหมายดอกเบี้ยรวมพันล้านบาทในปี 2565
ปัญญวัฒน์ โพธิ์ศรีทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิน อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด สตาร์ทอัพน้องใหม่ในธุรกิจประกันภายใต้แบรนด์ FIN Broker เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นของประเทศไทย จากการเป็นผู้ให้บริการธุรกิจประกันแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรในรูปแบบ B2B ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ภายใต้แนวคิด “ดี เร็ว ผลตอบแทนสูง” ให้กับนายหน้าประกัน ล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลประกันชีวิต (Face to Face) หรือ การซื้อประกันภัยชีวิตผ่านช่องทางระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของหน้าประกันชีวิตให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และตอกย้ำบริษัทฯ ในด้านผู้นำการให้บริการธุรกิจประกันแพลตฟอร์มที่ทันสมัยและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าในยุค New Normal สำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลประกันชีวิตของเราเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของนายหน้าประกันกับผู้บริโภคให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วสำหรับการซื้อและขายประกัน โดยจะมีระบบบันทึกภาพหรือเสียงระหว่างนายหน้าประกันชีวิตและผู้บริโภคพร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลการเสนอขายที่ต้องมีการยืนยันเอกสารรายละเอียดข้อมูลผ่านช่องทางอีเมล แอปพลิเคชั่น และเอสเอ็มเอสไว้อย่างครบครัน ซึ่งตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมแบบ End to End Service “เราเป็นสตาร์ทอัพในธุรกิจประกันที่มีผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยและประกันชีวิตแบบครบวงจรที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มนายหน้าประกัน (Broker Tech) เพิ่มโอกาสการขาย และสร้างรายได้ที่มากขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของนายหน้าประกันทุกราย และผลักดันให้ฟิน โบรคเกอร์ เป็นแพลตฟอร์มประกันชั้นนำของประเทศ เป็นหนึ่งเดียวในใจของนายหน้าประกันทั่วประเทศ” ด้านผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทในปี 2564 นี้ ปัญญวัฒน์ เผยว่าธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงด้วยเบี้ยประกันรถยนต์อยู่ที่ 350 ล้านบาทและฐานสมาชิกจำนวนมากกว่า 37,000 คน ซึ่งมีปัจจัยจากโมเดลธุรกิจและแตกต่างทางด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้ทักษะของคนรุ่นใหม่ เข้ามาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์มและช่วยแก้ปัญหาให้กับนายหน้าประกันตอบโจทย์ทุกกลุ่ม โดยบริษัทมั่นใจว่าแผนกลยุทธ์ที่วางไว้จะช่วยผลักดันการเติบโตของยอดเบี้ยประกันทั้งปีเพิ่มเป็น 700 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทในปีถัดไป โดยเป็นเบี้ยประกันชีวิตอยู่ที่ 300 ล้านบาท ขณะเดียวกันปัญญวัฒน์ ยังเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตไทย โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อประกันชีวิต เพื่อคุ้มครองการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของตัวแทนนายหน้าประกันชีวิตที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับเราที่ทำให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย นอกจากนั้น บริษัทยังพร้อมนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มใหม่และฟีเจอร์อื่นๆ มาขับเคลื่อนธุรกิจประกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนระบบหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพื่อมุ่งตอบโจทย์ทั้งความสะดวกรวดเร็ว มีความปลอดภัย โปร่งใส การใช้งานที่ง่าย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานให้กับนายหน้าประกันและให้บริการลูกค้าที่ซื้อประกันได้รับประโยชน์สูงสุด อ่านเพิ่มเติม: กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดตัวบริการดิจิทัลใหม่ ตอบโจทย์โลกออนไลน์ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine