Dieter Morszeck แห่ง RIMOWA ชุบ Junkers F13 สู่ฟากฟ้า - Forbes Thailand

Dieter Morszeck แห่ง RIMOWA ชุบ Junkers F13 สู่ฟากฟ้า

จากความหลงใหลในเครื่องบิน Junkers F13 ของ Dieter Morszeck นำมาสู่การชุบชีวิตเครื่องบินโบราณในร่างใหม่อย่าง Junkers F13 By RIMOWA ให้สามารถเหินสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกันยายนที่ผ่านมาและเริ่มส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อล่วงหน้าในเดือนนี้

ฟากฟ้าเหนือสนามบิน Dübendorf ในเมือง Zurich โอบแขนต้อนรับการเปิดตัว เครื่องบิน Junkers F13 ที่สร้างสรรค์โดยบริษัท RIMOWA Flugzeugwerke AG ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางชั้นนำ RIMOWA GmbH ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เมือง Cologne ประเทศเยอรมนี Dieter Morszeck ประธานกรรมการและซีอีโอ ตลอดจนเป็นทายาทรุ่นสามของผู้ก่อตั้ง RIMOWA กล่าวถึงที่มาของการทุ่มเทให้กับการฟื้นฟูเครื่องบิน Junkers F13 ภายใต้โครงการ RIMOWA F13 หรือ Junkers F13 By RIMOWA ให้กลับมามีชีวิตและเหินฟ้าได้อีกครั้งว่า “การสร้างเครื่องบินที่ถือเป็นรุ่นต้นแบบของเครื่องบินพาณิชย์ทุกชนิดบนโลกนี้ มันเป็นความฝันของผมมาโดยตลอด และผมยินดีที่จะได้เห็นมันออกมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งหนึ่ง ผมตื่นเต้นกับมันมากและผมสามารถผลิตเพิ่มเพื่อป้อนตลาดได้ดังนั้นผมจึงตั้งบริษัท RIMOWA Flugzeugwerke AG ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อผลิตเครื่องบินดังกล่าว และตอบสนองต่อความต้องการของตลาด” ด้วยเหตุนี้โครงการพัฒนาเครื่องบิน RIMOWA F13 จึงเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน พฤษภาคม 2556 จนกระทั่งเริ่มบินเที่ยวแรกอย่างเป็นทางการเมื่อกันยายน 2559 และเริ่มส่งมอบเครื่องบินให้แก่ผู้สั่งชื้อล่วงหน้าที่ราคา 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (90 ล้านบาท) ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้  
...waiting for Gist...
ทีมงานผู้สร้างเครื่องบินในโครงการ RIMOWA F13 ที่เกิดจากความร่วมมือของ Association of Friends of Historical Aircraft (VFL) บริษัทสร้างเครื่องบิน JU-Air จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเทคโนโลยี Kaelin Aero Technologies จากบริษัท Black Forest ใช้เวลาในการทำงานทั้งสิ้น 12,000 ชั่วโมง ใช้เทคโนโลยีจากเครื่องยนต์เล็กของ Pratt & Whitney R-985 Wasp Junior ความยาวปีกวัดได้ต่ำกว่า 15 เมตร และบริเวณปีกมีพื้นที่ทั้งหมดราว 40 ตารางเมตร เครื่อง F13 มีความยาวตัวเครื่องเกือบ 10 เมตรสูง 3.5 เมตร และมีน้ำหนักสูงสุดขณะบินขึ้นที่ 2,000 กิโลกรัม มีระยะเร่งเครื่องเต็มกำลังไปได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร แต่ยังต้องปรับปรุงการบินในเวลากลางวันภายใต้กฎการบินเสมือน (VFR) อย่างไรก็ตามความหลงใหลในอุตสาหกรรมเครื่องบิน เป็นสิ่งที่ Dieter น่าจะสืบทอดมาจาก Richard Morszeck ผู้เป็นบิดาของเขา และบุตรชายของ Paul Morszeck ผู้ก่อตั้งแบรนด์ RIMOWA ที่มาจากชื่อ Richard Morszeck Waenzeichen แต่จุดเปลี่ยนที่สร้างชื่อ RIMOWA ให้เป็นที่รู้จักและโด่งดังถึงวันนี้คือ เมื่อปี 2493 ที่บริษัทเปิดตัวกระเป๋าเดินทางที่ทำจากอะลูมิเนียมซึ่งมีผิวหน้าแบบริ้วร่องที่มีลักษณะเฉพาะตัว และเป็นหนึ่งในกระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น และยังทำให้เกิดความนิยมในการออกแบบให้กระเป๋าสามารถจุของได้มากที่สุด แต่ก็ยังคงมีน้ำหนักเบา อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งที่เชื่อมโยงกันระหว่าง RIMOWA และเครื่องบิน F13 เช่น ทั้งเครื่องบิน Junkers และตระกูล Morszeck ผู้ก่อตั้งแบรนด์ RIMOWA ต่างก็มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ Rhineland อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงสำคัญที่สุด คือ ได้ตัดสินใจที่จะใช้วัสดุ ดูราลูมิน (duralumin) ในการผลิตกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสำหรับภูมิภาคเขตร้อนขึ้นในปี 2493 และสิ่งที่เกือบจะขาดไม่ได้คือ การใช้วัสดุเดียวกันกับที่ Hugo Junkers ใช้ในการผลิตเครื่องบินเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ซึ่งในยุคนั้นเองเครื่องบินเริ่มมีเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกการเดินทางด้วยเครื่องบินจึงจำเป็นต้องง่ายและกระเป๋าเดินทางต้องมีน้ำหนักเบา  

RIMOWA Electronic Tag ถูกใจผู้โดยสาร

หลังจากเปิดตัว RIMOWA Electronic Tag ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2559 Sven Lepschy รองประธานฝ่าย Electronic Tag แห่ง RIMOWA GmbH เปิดเผยถึงผลตอบรับของลูกค้าซึ่งเป็นผู้โดยสารของสายการบิน Lufthansa จาก 800 เที่ยวบิน ที่มีโอกาสได้ลองใช้ RIMOWA Electronic Tag ว่า “การเปิดตัว RIMOWA Electronic Tag ประสบความสำเร็จอย่างดี และลูกค้าต่างชื่นชอบที่ช่วยเรื่องการควบคุมและประหยัดเวลาได้มากขึ้นจึงเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นระบบที่ง่ายและสร้างสรรค์ตามที่บริษัทคาดหวังไว้” อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีลูกค้าลงทะเบียนใช้แอพพลิเคชั่นแล้วกว่า 5,000 รายทั่วโลก ทั้งนี้ โซลูชั่นกระเป๋าเดินทางแบบดิจิทัลจะช่วยให้การโดยสารเครื่องบินพร้อมกระเป๋าเดินทางมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยโซลูชั่นนี้ประกอบด้วยกระเป๋าเดินทางของ RIMOWA รวมถึงแอพฯ ของสายการบิน และ RIMOWA Electronic Tag พร้อมจอแสดง ข้อมูลแบบ E Ink Mobius (TM) ซึ่งฝังอยู่ที่กระเป๋า นอกจากนี้ข้อมูลกระเป๋าจะปรากฏบนจอแสดงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีข้อมูลเหมือนกับบนแท็กกระดาษที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้รวมถึงแถบคาดสีเขียวของ EU ตามกฎของศุลกากร (สำหรับทุกเที่ยวบินที่เดินทางออกจากสนามบินในยุโรป) RIMOWA Electronic Tag ทำให้การเปลี่ยนจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลเป็นไปอย่างง่ายดาย ข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องจากความชื้น ความร้อน ความเย็น การกระแทก การสั่นสะเทือน และจะไม่ฉีกขาดโดยไม่ได้ตั้งใจการใช้งานเหนือกว่าแท็กกระดาษอย่างเห็นได้ชัด  
คลิกอ่านฉบับเต็ม "Dieter Morszeck แห่ง RIMOWA ชุบ Junkers F13 สู่ฟากฟ้า" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2016 ในรูปแบบ e-Magazine