COM7 ระดมทุนตลาดไทยเพื่อไปทั่วสยามและเมียนมาร์ - Forbes Thailand

COM7 ระดมทุนตลาดไทยเพื่อไปทั่วสยามและเมียนมาร์

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Jul 2015 | 04:42 PM
READ 7000
เรื่อง: กชกร บุญลาย ภาพ: COM7

“เมื่อไม่กล้า เสี่ยง ย่อมไม่ประสบผล” คติจีนโบราณที่เหมาะกับ สุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. คอมเซเว่น ผู้ประกอบการนำเข้า ค้าส่ง ค้าปลีก สินค้าไอที คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของไทย ภายใต้แบรนด์ BaNANA IT, BaNANA Mobile, iStudio, iBeat, และ uStore By Comseven

ความรู้จากมหาวิทยาลัยด้านการบริหารและการเงิน บวกกับความชอบทางด้านเทคโนโลยี สุระ คณิตทวีกุล ในวัย 46 ปี จึงเป็นคนไม่หยุดนิ่ง ที่ไม่หยุดนิ่ง เขากล้าเปลี่ยนแปลงและกล้าลงทุน หลังจากปั้นร้านให้แบรนด์ติดตลาดแล้ว มาวันนี้เขากำลังจะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับ บมจ.คอมเซเว่นอีกครั้ง ด้วยการนำบริษัทเข้าระดมทุนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อใช้ขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย

จากค้าส่งในพันธุ์ทิพย์ฯ สุระเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 18 ปีที่แล้ว โดยตัดสินใจเปิดร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์ “บิ๊กไอที” เป็นร้านแรกในพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เน้นค้าส่งมากกว่าร้านค้าปลีกโดยนำเข้าสินค้าเพื่อจำหน่ายให้กับดีลเลอร์ที่ เป็นร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป
 
ทำไปได้ 8 ปีเขาพบว่า ตลาดค้าส่งมีการแข่งขันสูง ต้องต่อสู้กับบริษัทใหญ่และบริษัทข้ามชาติ ขณะที่เขามองว่า ค้าปลีกมีโอกาสมากกว่าจึงโฟกัสมาที่ค้าปลีก นับเป็นการเริ่มต้นที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในธุรกิจของเขา “ที่ พันธุ์ทิพย์ฯ ขายดีมาก เพียงแต่เราเห็นว่าคนไม่อยากมาแต่ก็ต้องมาเพราะไม่มีที่ไป จึงเลือกเปิดร้านในศูนย์การค้า พอเราเข้าไปมีคนบอกว่าสะดวกใกล้บ้านดี ช่วงนั้นการแข่งขันในศูนย์การค้าไม่มี เราเป็นเจ้าแรก เมื่อคิดว่าใช่ จึงตัดสินใจเร่งเปิดสาขาหลังจากสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวไปได้ดี ภายใต้ชื่อ บิ๊กไอที”

ทว่าในการทำธุรกิจค้า ขายในศูนย์การค้าต้องมีแบรนด์ เพื่อความน่าเชื่อถือผู้ซื้อต้องถามแบรนด์อะไร ของจริงหรือไม่ ตรงจุดนั้นทำให้คิดชื่อแบรนด์

“BaNANA” พร้อมกับใช้ชื่อนี้เป็นตัวตั้งในการขยายสาขา ส่วนแบรนด์ iStudio, iBeat, uStore By Comseven มาทำในภายหลัง แม้ในช่วงปีแรกที่เปิดร้านในศูนย์การค้า ยอดขายไม่ค่อยดี เพราะคนยังไม่ชิน แต่พอขึ้นปีที่สอง สาม เริ่มดีขึ้น จนมาถึงตอนนี้เรียกได้ว่ายอดขาย 80% มาจากสาขาในศูนย์การค้าเข้าตลาดหุ้นคอมเซเว่น ยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุมัติเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 75 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีทุนชำระแล้ว 225 ล้านบาท

“มอง ว่าการเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะส่งผลดีให้กับเรา เนื่องจากเราทำค้าปลีก เป็นแบรนด์ที่ติดอยู่กับผู้บริโภคอยู่แล้ว เรามองเห็นถึงโอกาสที่นักลงทุนจะสนใจในธุรกิจของเรา เพราะมันอยู่ในชีวิตประจำวัน เขาจะเห็นการเติบโต เขาจะเห็นความคึกคัก” สุระ กล่าวอย่างมั่นใจ

“คิด ว่าคอมเซเว่นเก่งทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือส่วนเจ้าอื่นในตลาดก็เก่ง แต่จะเป็นด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะสาขาเราก็มากที่สุด จำนวนยอดขายของเราก็มากที่สุด ถึงแม้ว่ายอดขายมือถือเราจะไม่ได้เป็นที่หนึ่ง เพราะเพิ่งทำมา 2 ปี แต่มือถือเราโตเกิน100% เชื่อว่าไม่เกิน 3 ปีเราจะติด 1 ใน 5 ได้”
 
ทั้ง นี้จากปีนี้และปีหน้าเขามีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด รวมถึงการออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนราว 800-1,200 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาและขยายธุรกิจราว 50% ที่เหลือนำไปชำระหนี้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จึงมองว่าการระดมทุนจากตลาดหุ้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากู้จากสถาบันการเงิน โดยมีแผนการใช้เงินคือ 148 ล้านบาทเปิดเพิ่ม 38 สาขา ให้ครอบคลุม 60 จังหวัด ในปีนี้
 
“เฉลี่ยปัจจุบันเรา มี 55 จังหวัด จาก 77 จังหวัดยังมีจังหวัดที่ให้เราไปได้อีกกว่า 20 จังหวัด จังหวัดที่เราเลือกจะเป็นจังหวัดใหญ่มีศักยภาพ เช่น ถ้าเป็นApple ก็ต้องไปจังหวัดที่มีกำลังซื้อ หรืออย่างน้อยก็ต้องมีศูนย์การค้า เราจะไปกับศูนย์การค้าเป็นหลัก”

หลังจากระดมทุนเสร็จ คอมเซเว่น จะเริ่มเดินหน้าขยายไปยังต่างประเทศ โดยเลือกเมียนมาร์เป็นตลาดแรกเนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่คู่แข่งมีไม่มาก แต่ต้องมองหาคู่ค้าท้องถิ่นที่โฟกัสในเรื่องค้าปลีก อีกทั้งกฎระเบียบที่เปิดกว้างขึ้นของธุรกิจเทรดดิ้งก่อน

“การ เปิดสาขาในเมียนมาร์ ต้องดูทำเลเป็นหลักเนื่องจากการเดินทางในเมียนมาร์ยังไม่สะดวก และยังไม่มีศูนย์การค้า แต่การจะรอให้ศูนย์การค้าเปิดก่อนอาจช้าไป จึงน่าจะเปิด shop ขนาดใหญ่เป็นศูนย์รวมสินค้าไอที สำหรับคนที่ตั้งใจจะไปซื้อสินค้าไอทีจริงๆ”
 
เป้ายอดขายปีนี้ โต 10-15%ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยอดขายของคอมเซเว่นเติบโตปีละ 10-15% ปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 10-15% เช่นกัน แม้ว่าในปี 2557 ยอดขายที่ทำได้ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 1% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปีก็ตาม สำหรับยอดขายช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเป็นฤดูของธุรกิจ


อ่าน "Forbes Thailand: The Essential Guide for Enrichment" ฉบับพิเศษประจำ JUNE 2015