บี.กริม ขับเคลื่อน 6 กลุ่มธุรกิจ เติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก - Forbes Thailand

บี.กริม ขับเคลื่อน 6 กลุ่มธุรกิจ เติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
30 Jan 2024 | 05:20 PM
READ 2189

บี.กริม องค์กรที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย จากรากฐานปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2421 เติบโตเคียงข้างประเทศไทย เริ่มต้นจากธุรกิจร้านปรุงยา สู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน วันนี้สยายปีกสู่ 6 กลุ่มธุรกิจ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจฐานราก ตั้งเป้าสร้าง “บีกริม ฟาร์มา” สู่ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร เผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรใน 5 ปีข้างหน้า ฉลองการเข้าสู่ปีที่ 150 มุ่งเติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก


    ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม กล่าวว่า ตลอด 145 ปี บี.กริม มุ่งมั่นในการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม จากจุดเริ่มต้นธุรกิจร้านปรุงยาสมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 สู่บริษัทที่มีหลากหลายธุรกิจในทุกวันนี้ โดยมี “ดีเอ็นเอ” ของความทันสมัยและก้าวไปไม่หยุดนิ่ง ภายใต้ค่านิยมหลัก 4 ประการ (4Ps Core Values) ที่ครอบครัว บี.กริม ยึดถือเป็นวิถีปฏิบัติในการทำงานเสมอมา ซึ่งเสมือนอาวุธที่นำมาประยุกต์เป็นกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อปรับเปลี่ยนและรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลง พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่มาสู่สังคมไทยที่หลากหลาย

    และวันนี้ บี.กริมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การริเริ่มขุดคลองชลประทานรังสิตเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร, การนำเข้ายาที่ทำให้คนไทยไม่ต้องป่วยตายโดยไม่จำเป็น, การติดตั้งเครื่องโทรเลขไร้สายเป็นครั้งแรก ตลอดจนกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมและการดำเนินธุรกิจการค้าอื่นๆ

    ปัจจุบัน บี.กริม มีสายธุรกิจหลัก 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.ธุรกิจด้านพลังงาน 2.ธุรกิจอุตสาหกรรม 3.ธุรกิจสุขภาพ 4.ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล 5.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เป็นตัวแทนสินค้าแฟชั่นหลายกลุ่ม และ 6.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

    โดยวันนี้ บี.กริม ในวันนี้ก้าวข้ามการแข่งขันในประเทศสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก โดยมุ่งกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ และกำหนดทิศทางการลงทุนของบี.กริม ซึ่งจะเน้นไปที่ค่านิยมหลัก 4 ประการ (4Ps Core Values) 1.ความร่วมมือกัน (Partnership) 2.ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) 3.การมีทัศนคติที่ดี (Positivity) และ 4.ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)

    บี.กริม ตั้งเป้าหมายการเติบโตของแต่ละธุรกิจ โดยเฉพาะใน 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา

    ในปี 2573 และมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 หรือ คศ. 2050 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์ เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์ โดยความสำเร็จมาจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก

    ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ มีการขยายโครงการต่างๆ ในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีไฮไลต์คือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมะวัตต์ ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย

    นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไปแล้ว

ในภาพ จากซ้ายไปขวา 1.คุณกิตติศักดิ์ ดำรงธนานุรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บี.กริม ฟาร์มา, 2.คุณกิตติ พัฒนลีนะกุล ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม, 3.คุณนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนและสายงานธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย, 4.คุณศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี และ 5.คุณศลยา ณ สงขลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และความยั่งยืนองค์กร


    ขณะที่ บี.กริม อุตสาหกรรม หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บี.กริม ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยผลการดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า สำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศในประเทศไทย จากการเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย

    รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติโดยอัตโนมัติ เป็นต้น

    นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยชูจุดเด่นเรื่องการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์

    โดยในปี 2566 บี.กริม ได้ติดตั้งประมาณ 70 หัวชาร์จให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ โดยปีนี้เน้นขยายธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มของ บี.กริม เอง ขณะเดียวกันยังมีการขยายธุรกิจไปสู่การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต จนจบกระบวนการ

    และมีการพัฒนาโซลูชันเพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ซึ่งมีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลแล้วกว่า 6 แห่ง และมีแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง 3 เท่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

    ปิดท้ายด้วย บี.กริม ฟาร์มา อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธงของ ที่ บี.กริม ให้ความสำคัญมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2421 ย้อนกลับไป 145 ปี กับร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของประเทศไทย ในชื่อ “สยามดิสเป็นซารี่” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้านยาหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จุดเริ่มต้นของปรัชญาแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ บี.กริม ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม

    และวันนี้ด้วยสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษา บี.กริม ได้กลับมาสานต่อธุรกิจฐานรากดังกล่าวภายใต้ “บี.กริม ฟาร์มา” ซึ่งยังคงมุ่งเน้นเจตนารมณ์เดิมที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับผู้คน ส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น

    ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2.กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3.กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ 4.กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์

    ผู้บริหาร บี.กริม กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ตลอด 145 ปี พร้อมกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ บี.กริม พร้อมเดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก ก้าวสู่ความสำเร็จและขยายธุรกิจไปในหลายประเทศทั่วโลก ผลักดันให้ต่างประเทศเห็นถึงศักยภาพของคนไทย และช่วยนำพาธุรกิจ และพันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 11 แนวทางใช้ชีวิตอย่างมหาเศรษฐี ฉบับ Warren Buffett

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine