ในโลกที่พลังงานคือหัวใจของทุกระบบ สายไฟฟ้าคือเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมโยงทุกความเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่บ้านพักอาศัย สำนักงาน อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ การมีสายไฟที่มีคุณภาพสูงและเชื่อถือได้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน แต่เป็นเรื่องความมั่นคงระดับชาติ เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งความปลอดภัยและความสามารถในการขับเคลื่อนความเป็นอยู่ที่ดีของคนในประเทศ
กระบวนการผลิตไฟฟ้าที่ได้คุณภาพในทุกขั้นตอน จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าต้องใส่ใจ ล่าสุด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด ผู้ผลิตสายไฟฟ้าที่ครองความเชื่อมั่นมานานกว่า 60 ปี เติบโตจากธุรกิจครอบครัว สู่ผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งกว่า 30% หรือครองส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตสายไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ณ โรงงานผลิตหลัก จ.ฉะเชิงเทรา
พงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เล่าว่า ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีพนักงานกว่า 1,250 คน มีโรงงานผลิตสายไฟทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานสมุทรปราการ โรงงานฉะเชิงเทรา และ Operation and Innovation Center ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา รวมพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทราทั้งหมดกว่า 251 ไร่ มีกำลังการผลิตสายไฟกว่า 60,000 ตันต่อปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์มากกว่า 80 ชนิด รวมถึงมีโซลูชั่นปรับแต่งเฉพาะตามความต้องการ นับเป็นพอร์ตฟอลิโอที่กว้างที่สุดในประเทศไทย รองรับความต้องการทุกกลุ่มลูกค้าถึง 7 กลุ่มการใช้งาน

“นับจากช่วงสิ้นปี 2565 หรือช่วงปลายเหตุการณ์ COVID-19 กำลังการผลิตรวมของเราเติบโตขึ้นมากกว่า 30% ต่อปี และครองตำแหน่งผู้ผลิตสายไฟรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ โดยในปี 2567 เราส่งมอบสายไฟไปทั้งสิ้นกว่า 50,000 ตัน หรือคิดเป็นความยาวสายไฟรวมกว่า 400,000 กิโลเมตร สะท้อนถึงการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” พงศภัค ระบุ
โรงงานที่ฉะเชิงเทรา ถือเป็นโรงงานผลิตหลักที่มีกระบวนการผลิตครอบคลุมทุกขั้นตอน มีคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยกว่าจะมาเป็นสายไฟที่ใช้ในพื้นที่ต่างๆ ต้องผ่านกระบวนการผลิตหลักๆ ถึง 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง (Raw Materials Selection) 2.การหลอมโลหะ (Copper & Aluminium Rod Production) 3.การตีเกลียว (Standing Process) 4.การหุ้มฉนวน (Insulation Process) 5.การรวมแกน (Multicore Assembly) 6.การเสริมความแข็งแรงและความปลอดภัย (Protection Enhancements) 7.การหุ้มเปลือกนอกและพิมพ์แบรนด์ (Sheathing & Label)

ทั้ง 7 ขั้นตอนล้วนผ่านความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกนำเข้าทองแดงจากแหล่งผลิตทองแดงของโลกอย่างออสเตรเลียและชิลี เป็นต้น จนถึงการตรวจสอบสายไฟคุณภาพทุกเส้นอย่างเข้มงวด
พงศภัค ย้ำว่า บางกอกเคเบิ้ล ถือเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกในหลายๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน อาทิ การเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟภายใต้สภาวะเผาไหม้ (Fire Testing Lab) แห่งแรกของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน มอก. 17025 (ISO/IEC 17025) ถือเป็นก้าวสำคัญในฐานะผู้บุกเบิกมาตรฐานการทดสอบและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์สายไฟในอุตสาหกรรมไทย พร้อมยกระดับสู่มาตรฐานสากล
ล่าสุด บริษัทยังได้จัดตั้ง ห้องปฏิบัติการสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage Lab) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ 230 kV ซึ่งเป็นสายไฟที่ใช้กับโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจกต์ต่างๆ

“ห้องปฏิบัติการนี้ สามารถจำลองการใช้งานไฟฟ้าระดับ 700 kV และกระแสสูงถึง 6,000 A ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟที่ผลิตออกไป มีความแม่นยำและปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรม โดยเราคือผู้ผลิตคนไทยแห่งเดียวของประเทศที่มีห้องปฎิบัติการทดสอบนี้ และเรายังคงผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกระบวนการทำงานภายในโรงงานของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนโรงงานของเราสู่ Smart Factory 4.0” พงศภัค ระบุ
พงศภัค เล่าเพิ่มเติมว่า ความใส่ใจในคุณภาพ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในโรงงานหรือห้องแล็บ แต่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมขององค์กร ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน การพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล และการออกแบบสายไฟให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง ทั้งในบ้านพักอาศัย โรงงาน อาคารสูง ไปจนถึงโครงการระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ที่สำคัญ บริษัทยังใส่ใจเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยการก่อตั้ง บริษัท บางกอก โซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือ เพื่อบุกเบิกและพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดของประเทศ โดยได้ดำเนินการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของประเทศไทย ภายในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2549
และปัจจุบันได้ขยายการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ภายในพื้นที่โรงงานจนมีปริมาณโซลาร์ที่ครอบคลุมกว่า 50% ของกำลังการผลิตของทั้ง 3 โรงงาน ซึ่งตอบโจทย์บริษัทที่เดินหน้า “เซฟคน เซฟเมือง เซฟสิ่งแวดล้อม” และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของบริษัทในการเชื่อมโยงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีสายไฟครอบคลุมทั้งสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ สายเปลือย สายโซลาร์เซลล์ สายคอนโทรลและสายสัญญาณ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สายทนไฟ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานที่เน้นความปลอดภัยและรองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
ภาพ: บางกอกเคเบิ้ล
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : GUNKUL แต่งตั้งคลื่นลูกใหม่ “นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์” ดำรงตำแหน่ง CEO
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine