บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท ในบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์บีเอฟ ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ทั้งวัตถุแต่งรส สี และสารปรุงแต่งอาหารหลากหลายชนิด การลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างสองบริษัทมาเป็นระยะยาวนาน โดยอาร์บีเอฟได้จัดหาส่วนผสมอาหารที่ได้คุณภาพให้กับไทยยูเนี่ยน
การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสและความเติบโตให้กับ ไทยยูเนี่ยน ในธุรกิจส่วนผสมในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดผู้บริโภคในอาเซียนที่ต้องการสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น อาร์บีเอฟมีความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมผลิตส่วนผสมในอาหารต่างๆ เช่น วัตถุแต่งกลิ่นธรรมชาติ หรือสารสกัดจากกัญชง จะช่วยเสริมทั้งในส่วนของสินค้าหลักและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของไทยยูเนี่ยน รวมไปถึงสินค้าโปรตีนทางเลือกและอาหารสัตว์เลี้ยง สำหรับอาร์บีเอฟ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังช่วยเปิดโอกาสให้อาร์บีเอฟได้เข้ามาจัดหาส่วนผสมอาหารและเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยน ตลอดจนสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายธุรกิจของไทยยูเนี่ยนที่มีอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังมีวิสัยทัศน์ในด้านนวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และต่อยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของไทยยูเนี่ยนคือการขยายธุรกิจไปสู่การเติบโตและการทำกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ตอบโจทย์กลยุทธ์ดังกล่าวของบริษัท โดยทางอาร์บีเอฟเองมีประสบการณ์มากกว่าสามทศวรรษในธุรกิจวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย ไทยยูเนี่ยนมีความยินดีที่ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับอาร์บีเอฟ และหวังว่าจะได้ร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปทั่วโลก ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทั้งด้านรสชาติและโภชนาการ ด้วยนวัตกรรมของทั้งสองบริษัท” สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะสร้างความได้เปรียบและความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองบริษัท ด้วยประสบการณ์มากกว่า 35 ปีของเราในธุรกิจ จะช่วยเสริมทัพให้กับผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยน และด้วยธุรกิจของไทยยูเนี่ยนที่มีอยู่ทั่วโลก จะช่วยเสริมศักยภาพของอาร์บีเอฟในการก้าวกระโดดจากธุรกิจส่วนผสมในอาหารระดับภูมิภาค ไปสู่ระดับโลกต่อไป” อ่านเพิ่มเติม: ซีพีเอฟ ประกาศกลยุทธ์ 2030 “Sustainability in Action”ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine