เนื่องในวันทูน่าโลก บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจทูน่ากระป๋องของโลก ตอกย้ำเป้าหมายในการจัดหาปลาทูน่าได้อย่างยั่งยืนร้อยเปอร์เซ็นต์
ไทยยูเนี่ยน มีการทำงานด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาสามารถจัดหาปลาทูน่าอย่างยั่งยืนได้ 75 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าหมาย โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของปลาทูน่าที่บริษัทฯ จัดหามาได้นั้น ได้จากการประมงที่ถูกต้องตามสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานสินค้าประมง หรือ Marine Stewardship Council (MSC) หรือ โครงการพัฒนาการประมงหรือ Fishery Improvement Projects (FIPs) “ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลากระป๋องทูน่าที่ใหญ่ที่สุดของโลก เรามีหน้าที่ในการเป็นผู้นำและตั้งเป้าหมายในการปรับปรุงพัฒนาอย่างมีนัยยะ” แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “แรกเริ่มที่เราประกาศจุดยืนในการจัดหาทูน่าอย่างยั่งยืนขึ้นในปี 2559 นั้น เราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการจัดหาปลาทูน่าของอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัจจุบันเราเข้าใกล้เป้าหมายเรามากขึ้นยิ่งขึ้น ด้วยความตั้งใจของบริษัทที่จะผลิตสินค้าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดูแลเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศไปด้วยกัน” รายละเอียดของการทำงานของบริษัทไทยยูเนี่ยนด้านการจัดหาปลาทูน่าอย่างยั่งยืนนั้นสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรายงานประจำปีด้านความยั่งยืนของบริษัทซึ่งจะมีการตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคมนี้ ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องโดยดูแลการผลิตทั้งบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าจะยังมีทรัพยากรปลาทูน่าให้กับคนรุ่นต่อไป ควบคู่ไปกับการผลิตสินค้าที่ดีต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคหลายล้านคนทั่วโลก ด้วยแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทที่เป็นที่รู้จัก อาทิ Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Rügen Fisch, แบรนด์ SEALECT ในประเทศไทย เมื่อต้นปีนี้ ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศจับมือกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก The Nature Conservancy ประกาศเจตนารมณ์ในการทำงานด้านความโปร่งใสของซัพพลายเชนในการจัดหาปลาทูน่าทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการเริ่มใช้ระบบดิจิตัลในการตรวจสอบเรือประมงของคู่ค้าในซัพพลายเชน การติดตั้งกล้องวิดีโอ จีพีเอส และระบบเซนเซอร์ เพื่อติดตามผู้คนและกิจกรรมต่างๆ บนเรือได้โดยอัตโนมัติ ไทยยูเนี่ยนยังคงปรับปรุงการดูแลแรงงานในภาคการประมงอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปี ไทยยูเนี่ยนมีการตรวจสอบเรือประมงทูน่าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ ว่าได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงตามที่บริษัทได้ประกาศไว้ในปี 2560 หรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเรือประมงที่จัดหาปลาทูน่าให้กับบริษัท สุดท้ายนี้ ไทยยูเนี่ยนปฎิบัติตามมาตรการของมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล หรือ International Seafood Sustainability Foundation (ISSF) ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นมาตรการการอนุรักษ์ที่ดำเนินตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อปรับปรุงการประมงทูน่าในระยะยาว โดยรวมถึงความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ห้ามไม่ให้จับปลาฉลาม และกำจัดการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมได้สำเร็จ ปัจจุบัน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 132,402 ล้านบาท (4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 7 ปีติดต่อกัน ดยในปี 2563 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน อ่านเพิ่มเติม: ไทยยูเนี่ยน ประกาศในวันทูน่าโลก ตั้งเป้าจัดหาทูน่าอย่างยั่งยืน 100%ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine