ได้เวลา Starbucks รุกตลาดกาแฟซูเปอร์ไฮเอนด์ - Forbes Thailand

ได้เวลา Starbucks รุกตลาดกาแฟซูเปอร์ไฮเอนด์

Starbucks ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 18 ปี ชูกลยุทธ์นำเมล็ดกาแฟหายากจากทั่วโลกมาให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มรส ผ่านร้านรูปแบบใหม่ Starbucks Reserve™ Experience Store แห่งแรกในไทย ที่ ศูนย์การค้าเกษร แหล่งช็อปปิ้งหรูใจกลางเมือง ตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรักกาแฟที่เน้นคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมวางแผนเปิดร้าน Starbucks ให้ครบ 400 สาขา ภายในปี 2562-2563

Murray Darling กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า จุดเด่นของร้าน Starbucks Reserve™ Experience Store คือการนำเสนอเมล็ดกาแฟหายาก เช่นจากประเทศบุรุนดี เอลซัลวาดอร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกแบบ single origin มาผ่านการชงหลากหลายแบบที่ให้รสชาติแตกต่างกันไป พร้อมนำเครื่องชงกาแฟแบบไฮบริด ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เครื่อง ที่ Starbucks มีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมาให้บริการ โดยมีพนักงานระดับ Coffee Master เป็นผู้ชงและให้คำแนะนำ ราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 110-220 บาท ขึ้นอยู่กับเมล็ดพันธุ์กาแฟ วิธีการชง และขนาดของแก้ว

“เราตั้งใจนำเสนอกาแฟระดับซูเปอร์ไฮเอนด์” Darling ย้ำ

กรรมการผู้จัดการ Starbucks ประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีร้าน Starbucks 262 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น Starbucks Coffee Leadership Store หรือร้านสาขาต้นแบบ 20 สาขา Drive-Thru 14 สาขา และ ร้านทั่วไป 228 สาขา พร้อมวางแผนเปิดครบ 400 สาขา ภายในปี 2562-2563 อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว จึงเน้นปรับปรุงสาขาเพื่อสร้างบรรยากาศให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการบ่อยขึ้น แต่ก็ยังคงเดินตามเป้าหมายเดิมด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน Starbucks ประเทศไทย มีสมาชิกทั้งสิ้น 680,000 ราย เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 23% และในปีนี้ สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มได้ 3.5 ล้านแก้วต่อเดือน เติบโตจากปี 2558 ราว 20% ด้านสัดส่วนรายได้นั้น มาจากการจำหน่ายเครื่องดื่ม 80% และสินค้าต่างๆ 20%

แม้จะเน้นสร้างการสื่อสารในโลกออนไลน์ผ่าน Facebook และ Instagram รวมทั้งมีแอพพลิเคชั่น ซึ่งมียอดดาวน์โหลดราว 450,000 ครั้ง แต่ Darling ก็กล่าวว่า ยังไม่มีแผนทำการตลาดออนไลน์ เช่น การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์กาแฟหรือสินค้าต่างๆ แต่อย่างใด เนื่องจากต้องการให้ลูกค้าได้มาสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟภายในร้านมากกว่า