อินเวสทรี แพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิง เติบโต 300 เท่า ในช่วง 1 ปี ชี้เป็นทางเลือกใหม่ให้เอสเอ็มอีออกหุ้นกู้ เสริมสภาพคล่องช่วงวิกฤตโควิด ทั้งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุน พร้อมประกาศแผนปี 65 ขยายธุรกิจต่อเนื่อง จับมือพันธมิตร อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อย คาดวงเงินหุ้นกู้ปีนี้พุ่งกว่า 1,000 ล้าน เพิ่มอีก 5 เท่า

แพลตฟอร์มคราวด์ ฟันดิงจากอินโดนีเซีย
อินเวสทรี (Investree) เป็น Fintech Startup ที่มีจุดเริ่มต้นในประเทศอินโดนีเซีย เปิดตัวเมื่อปี 2015 ก่อนจะขยายธุรกิจไปประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และในประเทศไทย อินเวสทรีเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงระหว่างนักลงทุนกับผู้ต้องการเงินทุน โดยทำการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้ขอกู้ และบริหารจัดการการกู้ยืมตั้งแต่การทำสัญญาไปจนถึงการชำระคืนเงินกู้ ขณะที่ในประเทศไทย เปิดตัวในปี 2561 และในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ ได้รับอนุญาต ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง จาก ก.ล.ต. มีทีมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 20 ปี ในสายงานธนาคารพาณิชย์ วาณิชธนกิจ และธุรกิจการประเมินความเสี่ยงด้านการเงิน โดย ณัทสุดา เคยทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาประมาณ 18 ปี ในฝ่ายวิเคราะห์เข้าถึงแหล่งเงินของครัวเรือน “18 ปีก่อนเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ยังเป็นอย่างนั้น จำนวนบริษัททั้งหมดในประเทศไทยกว่า 3 ล้านบริษัท 99% เป็นเอสเอ็มอี และส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี ไซส์เล็ก ที่มีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้น ตลาดที่เราให้บริกการถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีพื้นที่ของการลงทุนใหญ่มหาศาล ปัจจุบัน มีผู้เล่น จำนวน 6 ราย ในตลาด” สำหรับธุรกิจคราวด์ฟันดิงในต่างประเทศ เป็นตลาดที่เติบโตสูง ล่าสุด บริษัท อินเวสทรี อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จจากการระดมทุนเพื่อการขยายธุรกิจขนาดใหญ่ ระดับซีรีส์ ซี (Series C) จำนวน 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 753 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันที่สนับสนุนเงินลงทุนแก่สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการเงินของญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ได้แก่ เอ็มยูไอพี (MUIP) ของ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชี่ยล กรุ๊ป (Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. - MUFG) และ บีอาร์ไอ เวนเจอร์ (BRI Ventur)
เปิดแผนปี 65 ขยายวงเงินหุ้นกู้ 5 เท่า
ณัทสุดา กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทจะขยายมูลค่าหุ้นกู้อีกประมาณ 5 เท่า หรือเป็นวงเงินกว่า 1,000 ล้านบาท ขยายจำนวนนักลงทุน 8 เท่าหรือมากกว่า 320 ราย ซึ่งจะมีทั้งนักลงทุนสถาบันที่อยู่ระหว่างการลงทะเบียน และกองทุนต่างประเทศที่กำลังพิจารณาลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสินเชื่อ P2P หรือ สินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคล ในต่างประเทศอยู่แล้ว รวมไปถึงแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่ให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชน และในกลุ่มที่เห็นศักยภาพของการร่วมมือกับ Fintech เพื่อนำเครื่องมือของบริษัทไปใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจเขา สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจในปัจจุบัน เช่นกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เซ็นทรัล รีเทล (CRC) ที่เป็นซัพพลายเชนขนาดใหญ่ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยเหลือคู่ค้าและผู้ประกอบการ หาแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นSMEs มีผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคู่ค้าของกลุ่มเซ็นทรัลมาออกหุ้นกู้กับเราประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนอีกกลุ่มพันธมิตร คือกลุ่มทำธุรกิจบริการทางด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อบนดิจิทัล แพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทเข้าไปเป็นบริการเสริมทางด้าน CRM และด้าน Supply Chain Finance เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจของเขา ขณะเดียวกัน บริษัทได้ลูกค้าจากพันธมิตรด้วย โดยทั้ง 3 บริษัทนี้เป็นพันธมิตรตั้งแต่เริ่มต้นบริษัท ได้แก่ 2C2P เป็น Payment gateway พันธวณิช ระบบe-procurement และ FLOWACCOUNT ซึ่งเป็น online accounting software เป็นต้น ซึ่งในปีนี้บริษัทจะขยายฐานพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมากขึ้น เพื่อช่วยนักลงทุนกระจายความเสี่ยง วรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า นอกจากการขยายธุรกิจในกลุ่มดังกล่าวแล้ว บริษัทได้เสริมระบบหลังบ้านให้พร้อมรับการเติบโต นั่นคือการเสริมแกร่ง ด้วย 3 กลยุทธ์ความไว้วางใจ ได้แก่ระบบ Cyber Security ที่พร้อมดูแลและติดตามการลงทุนของนักลงทุนได้ ดูแลทรัพย์สินของนักลงทุน ด้วยผู้รับฝากสินทรัพย์ (Custodian) ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพที่ปลอดภัยจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ (cyber attack) เสริมประสิทธิภาพของระบบ Credit Scoring ในการวิเคราะห์คุณสมบัติความน่าเชื่อถือของ SME ที่มาออกหุ้นกู้ และ เสริมทีมบุคลากร ที่เข้าใจผลิตภัณฑ์การเงิน เข้าใจเกณฑ์กำกับดูแล เข้าใจความเสี่ยงและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ที่ขายกับนักลงทุน “สำหรับนักลงทุน อินเวสทรีนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีความผันผวนน้อย เป็นการลงทุนแบบใหม่ Alternative Investment สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอี ไม่ได้เซ็กซี่เท่าคริปโต แต่เราเป็นทางเลือกใหม่สำหรับทุกคน ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ขณะที่ยังได้ช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้” ณัทสุดา กล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: แสนสิริ เดินหน้าพันธกิจ Net-Zero ในปี 2565ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine