Glassdoor ศูนย์วิจัยด้านเศรษฐกิจตลาดแรงงาน รายงานว่า Silicon Valley ศูนย์กลางเทคโนโลยีในรัฐ California ของสหรัฐอเมริกาไม่ใช่กรุง Mecca แห่งงานด้านเทคโนโลยีอีกแล้ว เพราะงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้แพร่กระจายออกจาก Silicon Valley ไปอย่างรวดเร็วและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมาก
แน่นอนว่า Silicon Valley คือแหล่งกำเนิดสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่เมืองอื่นๆ และประเทศอื่นในโลกกำลังเข้ามาร่วมเป็นตัวเลือกหนึ่งให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเสนอโอกาสการเติบโตและเป็นพื้นที่หยั่งรากให้แข็งแรงกับพวกเขา รายชื่อด้านล่างนี้คือ “สถานที่ 13 แห่งที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาสตาร์ทอัพ” ต่อจาก Silicon Valley แนะนำโดยสมาชิก 13 รายจาก Forbes Technology Council ประเมินจากจำนวนบุคลากรผู้มีความสามารถ (talent) ที่มีในตลาด สิทธิประโยชน์ทางการเงิน และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหมายเหตุ: Forbes Technology Council เป็นแหล่งรวมประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี (CTO), ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) และผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านเทคโนโลยี เพื่อเสนอข้อมูลวงในที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน Forbes
1. Shanghai, จีน รายงาน Global Startup Ecosystem ฉบับล่าสุดจาก Startup Genome เพิ่งจัดอันดับเมืองหน้าใหม่ในลิสท์ของพวกเขา เมืองนั้นคือ Shanghai ซึ่งติดอันดับ 8 ใน 10 อันดับแรกเมืองที่มีระบบนิเวศดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดี เมื่อพิจารณาจากนวัตกรรมและแหล่งเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดเอเชียในปัจจุบัน – Artur Kiulian, Colab LA 2. Toronto, แคนาดา พื้นที่ตั้งแต่เมือง Toronto จนถึง Kitchener เป็นบ้านของสำนักงาน Google, Shopify และ RIM รวมถึงสตาร์ทอัพอีกหลายพันบริษัท ผมมองเห็น Toronto เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งต่อไปเพราะเมืองนี้มีนักพัฒนานวัตกรรมที่ดีที่สุดและฉลาดที่สุดของโลกที่สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงได้ คลื่นลูกใหม่แห่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีรวมตัวกันอยู่บริเวณทางเหนือของเมืองและโดยรอบ – Sanjay Malhotra, Clearbridge Mobile 3. อิสราเอล อิสราเอลเป็นสวรรค์แห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ช่วงที่ผ่านมาอิสราเอลมีความร่วมมือและแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งทำให้ประเทศนี้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจโลก มีสตาร์ทอัพกว่า 4,300 บริษัทเปิดดำเนินการอยู่ในอิสราเอล โดยมากกว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดตั้งอยู่ในวงรัศมีไม่เกิน 10 ไมล์ อัตราเช่นนั้นเป็นเพียงที่ 2 ของโลกรองจาก Silicon Valley – Ofer Garnett, YouAPPi 4. Austin, สหรัฐฯ Austin เป็นฮับสตาร์ทอัพไปแล้ว ไม่ใช่เพราะกระแสของบริษัทเวนเจอร์แคปิตอลเข้าถาโถม แต่เป็นเพราะสตาร์ทอัพใน Austin ต้องเรียนรู้ที่จะหยัดยืนได้ด้วยการบริหารการเงินของตนเอง ด้วยความที่การหาแหล่งทุนไม่ใช่เรื่องง่ายใน Austin ระเบียบวินัยในการบริหารของเหล่าผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างรายได้กลับคืนมาจึงสำคัญและทำให้เมืองนี้เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับก่อตั้งธุรกิจใหม่ – Juliette Rizkallah, SailPoint 5. Phoenix, สหรัฐฯ ระเบียงเทคโนโลยีกำลังเติบโตที่นี่ท่ามกลางทะเลทราย โดยมีผู้ประกอบการดาวรุ่งรุ่นใหม่และมหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้น แรงงานก็มีราคาถูกกว่า รวมถึงค่าเช่าที่ ค่าครองชีพด้วย ซึ่งทำให้แหล่งทุนที่สตาร์ทอัพได้มาจะใช้ดำเนินการได้ยาวนานขึ้น อีกทั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่กำลังเริ่มเปิดสาขาขึ้นใน Phoenix นั่นหมายถึงนักลงทุนที่จะติดตามมา โดยสรุปแล้ว เมืองนี้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนๆ กับ Silicon Valley ยกเว้นจำนวนประชากรที่ไม่มากเท่าและค่าครองชีพไม่แพงเท่าเท่านั้นแหละ – Chalmers Brown, Due 6. The Coasts, สหรัฐฯ ระเบียงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพกำลังเติบโตทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา และจุดหมายปลายทางขนาดใหญ่แห่งต่อไปคือ Los Angeles (หรือที่เรียกกันว่า Silicon Beach) และ New York (หรือ Silicon Alley) สตาร์ทอัพเติบโตขึ้นมากในเมืองชายฝั่งเหล่านี้เนื่องจากบุคลากรที่มีความสามารถรวมตัวกันอยู่ใน L.A. และ N.Y. ทั้งยังเป็นคนที่มีพื้นฐานการทำงานโดยตรงกับชุมชนเทคโนโลยี สื่อ และการลงทุน พวกเขาจึงสามารถทำงานร่วมกับแบรนด์และผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี – Matthew Lieberman, PwC 7. Santa Barbara, สหรัฐฯ Santa Barbara รัฐ California มีชุมชนเทคโนโลยีที่กำลังขยายตัว และต้นทุนการดำเนินงานยังต่ำกว่าเมืองที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ UCSB-University of California, Santa Barbara ยังผลิตบุคลากรคุณภาพออกมาทุกปี เหล่าศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการ ถูกดึงดูดออกจาก Silicon Valley กับ L.A. มาที่นี่ เพราะไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าด้วยสภาพแวดล้อมของ Santa Barbara ที่มีทั้งเส้นทางเดินเขาระดับโลก แหล่งผลิตไวน์ และจุดเล่นเซิร์ฟ – Christian Johan Smith, TrackR 8. ตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ Michigan, สหรัฐฯ แทนที่จะพยายามเลียนแบบ Silicon Valley ภูมิภาคนี้พยายามจะสร้างศูนย์กลางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ พื้นที่รัศมี 45 ไมล์ (เส้นทางขับรถสั้นกว่าการขับรถข้าม Silicon Valley) ระหว่าง Detroit กับ Ann Arbor กลายเป็นสถานที่ดึงดูดสตาร์ทอัพอย่างรวดเร็ว ด้วยค่าครองชีพและค่าบริหารดำเนินการที่ต่ำกว่า เป็นจุดที่สามารถเข้าถึงแหล่งบุคลากรจากมหาวิทยาลัยชั้นเยี่ยม รวมถึงโอกาสเป็น ‘ปลาตัวใหญ่ในบ่อเล็ก’ – Raffaele Mautone, Duo Security 9. Atlanta, สหรัฐฯ Atlanta เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ 18 บริษัทในลิสท์ Fortune 500 companies (บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ 500 บริษัท จัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune) เนื่องจาก Atlanta เป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีที่มีค่าครองชีพในระดับที่เข้าถึงได้ และยังเป็นเมืองที่มีระบบรถไฟฟ้าใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศ นอกจากนี้ Atlanta ยังเคยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการก่อตั้งธุรกิจจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes – Jeremy Williams, Vyudu Inc. 10. Lake Of The Ozarks, สหรัฐฯ สถานที่ท่องเที่ยวในรัฐ Missouri แห่งนี้มีค่าครองชีพที่ถูกพอที่จะทำให้คุณไม่จำเป็นต้องมีเวนเจอร์แคปิตอลสนับสนุน และยังเป็นพื้นที่ที่ไม่มีกฎหมายผังเมืองแต่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเชื่อมโยงด้วยสายไฟเบอร์ออพติกไว้พร้อม ดังนั้นคุณจะก่อสร้างอะไรก็ได้ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต รวมถึงบ้านอัจฉริยะสู่ความยั่งยืนในฝันของคุณซึ่งถ้าสร้างที่นี่จะใช้เงินทุนแค่เพียงเศษเสี้ยวของการก่อสร้างในเมืองอื่น – Thomas Griffin, OptionMonster 11. Indianapolis, สหรัฐฯ บริษัทเทคโนโลยีใน Indianapolis กำลังเติบโตและมีชีวิตชีวาอย่างมาก และยังมีเรื่องราวความสำเร็จนับไม่ถ้วนถือกำเนิดขึ้นที่นี่ เมืองนี้เป็นแหล่งมหาวิทยาลัยชั้นเยี่ยม หลักสูตรการเขียนโปรแกรมที่ไม่เหมือนใคร ได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนพื้นที่ เจ้าหน้าที่รัฐ และชุมชนเทคโนโลยีที่พร้อมจะอุปถัมภ์ค้ำจุนให้นวัตกรรมเกิดขึ้น – Jeffrey Ton, Bluelock 12. Raleigh, สหรัฐฯ ภาคเทคโนโลยีใน Raleigh รัฐ North Carolina เจริญรุ่งเรืองขึ้นในช่วง 2-3 ปีมานี้ และมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องการกระตุ้นให้เมืองเป็น Silicon Valley แห่งต่อไป ขณะนี้เมืองมีสตาร์ทอัพจำนวนมากและกำลังกวาดต้อนนักลงทุนเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ผมคิดว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นเรื่องราวเด็ดๆ จากที่นี่ - Arnie Gordon, Arlyn Scales 13. Silicon Slopes, สหรัฐฯ Silicon Slopes ในรัฐ Utah กลายเป็นคู่แข่งที่เข้มแข็ง เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยชั้นนำอยู่ที่นี่หลายแห่ง พร้อมด้วยบุคลากรที่มีความสามารถด้านวิศวกรรม บรรยากาศการทำธุรกิจที่เป็นมิตร ค่าครองชีพต่ำ และแหล่งทุนที่กำลังเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสริมให้พื้นที่บริเวณ Salt Lake City มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการเริ่มต้นและเติบโตของธุรกิจ – Timothy Chaves, Zipbooks Online Bookkeeping Servicesแปลและเรียบเรียงจาก Where’s the Next Silicon Valley? โดย Forbes Technology Council