รายได้ของเฟซบุ๊ครายไตรมาสตั้งแต่ปลายปี 2011
หลังจากเฟซบุ๊คแต่งตั้ง "เดวิช มาคัส" (Davia Marcus) อดีตซีอีโอ PayPal ให้รับตำแหน่งหัวหน้าส่วนงาน Messenger service ทำให้เริ่มชัดเจนแล้วว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ระดับโลกกำลังจะเริ่มแสวงหารายได้จาก Messenger app อย่างเต็มตัว โดยเชื่อว่าผลประโยชน์จะมาจากสองทาง
บริการโอนเงิน แน่นอนว่าเฟซบุ๊คต้องเจอคู่แข่งขันคนสำคัญ ซึ่งก็คือบริษัทเก่าของมาคัสนั่นเอง เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางเฟสบุ๊คยืนยันว่ากำลังจะเดินเครื่องเรื่องนี้ในยุโรป ผู้ใช้เฟซบุ๊คจะสามารถจัดเก็บหรือโอนเงินผ่านเครือข่ายสังคมออนไลนแห่งนี้ได้ ทางบริษัทยังเปิดเผยด้วยว่า ใกล้จะได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ e-payment ในทวีปยุโรป จากทางการไอร์แลนด์แล้ว (ที่ตั้งสำนักงานใหญ่เฟซบุ๊คในทวีปยุโรป)
นอกจากยุโรป เฟซบุ๊คยังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการด้านการเงิน (Money Service Business - MSB) ใน 48 รัฐของสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็เริ่มต้นบริการทางการเงินได้ในทันที
ในอดีตเฟซบุ๊คเคยล้มเหลวกับ Facebook Credits หรือสกุลเงินออนไลน์ที่เฟซบุ๊คสร้างขึ้นมาแล้ว จนต้องยกเลิกไปในปี 2011 บทเรียนครั้งนั้นนำมาซึ่งความท้าทายในครั้งนี้ว่า จะต้องสร้างผู้ใช้งานให้ได้มากกว่า 1 พันล้านยูสเซอร์ขึ้นไป
จากโมเดลทางธุรกิจของเฟซบุ๊ค สร้างรายได้จากการให้บริการผ่านเฟสบุ๊คในสัดส่วนที่น้อยมาก เฟซบุ๊คกดรายรับส่วนนี้ให้ต่ำเพื่อสร้างแรงจูงให้นักพัฒนาโปรแกรมสร้างสรรค์บริการในฐานะ third-party เป็นสำคัญ เมื่อเฟซบุ๊คจะเริ่มต้นบริการใหม่อาจต้องกระทบการโครงสร้างรายได้ นั่นอาจหมายถึงค่าตอบแทนจาก app ต่างๆ อาจจะลดลง นั่นหมายถึงนักพัฒนาอิสระอาจมีรายได้ลดลงด้วย
-สติกเกอร์ ถูกต้องแล้ว เจ้าไอคอนหน้าตาน่ารัก ที่นิยมไปทั่วในเอเชีย อาจมาเป็นส่วนหนึ่งในบริการ Facebook's Messenger จากบทเรียนของ LINE ที่สร้างรายได้จากสติกเกอร์ติจิตอลมากถึง 70 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมดในปี 2013 รวมแล้ว 338 ล้านบาทเหรียญ จนทำให้กลายเป็น app รายได้อันดับหนึ่งรายเดือน ถ้าไม่นับเกม
หลายฝ่ายค่อนข้างเชื่อว่า ปราสติกเกอร์ในเอเชียจะบูมในตะวันตกแน่ เนื่องจากแนวโน้มการสื่อสารกันด้วยภาพกราฟิกเพิ่มมากขึ้นกว่าใช้ตัวหนังสือ ด้านนักโฆษณากำลังมองว่าสติกเกอร์ดิจิตอลจะเป็นหนทางใหม่ในการโปรโมทแบรนด์
เฟซบุ๊คได้เริ่มเผยแพร่สติกเกอร์ไปหลายชุดผ่านเฟซบุ๊คเมสเสนเจอร์ โดยทั้งหมดให้บริการฟรี แสดงให้เห็นพัฒนาการจากเริ่มต้นเป็นเพียงลูกเล่นของงานโฆษณา จนกลายมาเป็นธุรกิจที่เป็นจริงเป็นจริงจนสามารถสร้างกำไรให้ได้
เฟซบุ๊คมีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณา เกินกว่าครึ่งมาจากแพลทฟอร์มบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สื่อสังคมออนไลน์เจ้านี้ยังคงต้องการสร้างฐานรายได้ใหม่ๆ
แน่นอนว่าบริการจ่ายเงินออนไลน์นั้น PayPal จับจองอยู่ก่อน โดยมีรายเล็กอย่าง Venmo เข้ามาแชร์ส่วนแบ่ง
เส้นทางใหม่สายนี้ แม้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก แต่เฟซบุ๊คดูมั่นใจอย่างยิ่ง เพราะมีพื้นฐานเดิมที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว
แปลและเรียบเรียงจาก Here Are Two Ways Facebook Could Finally Make Money From Messenger
แปลและเรียบเรียงจาก Here Are Two Ways Facebook Could Finally Make Money From Messenger